ผู้มีรายได้น้อยเฮ! รัฐบาลดึงเอกชนลงขันผุดราคาถูก คาดสรุปภายใน 1 เดือน “สมคิด” ชูแนวคิดจัดตั้ง “ธุรกิจเพื่อสังคม” สร้างบ้านราคาถูก บนเนื้อที่ของกรมธนารักษ์ หรือการรถไฟฯแล้วให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลงมือสร้าง
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2558 นายสมคิดจาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในการประชุมกับผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่กระทรวงการคลัง
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลมีแนวคิดที่จะให้ผู้ประกอบการเอกชนหรือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ สร้างที่อยู่อาศัยราคาถูกให้กับผู้ที่มีรายได้น้อย ทั้งประชาชน ทหาร ตำรวจ และข้าราชการ เพื่อให้ผู้ที่มีรายได้น้อยสามารถมีบ้านเป็นของตัวเอง คาดว่าจะได้ข้อสรุปได้ภายใน 1 เดือนหลังจากนี้
ในเบื้องต้นของแนวคิดจะให้เอกชนจัดตั้งเป็นธุรกิจเพื่อสังคม (SocialEnterprise) มาร่วมสร้างที่อยู่อาศัยมูลค่าบ้านไม่เกิน 5 แสนบาท ให้ผู้ที่มีเงินเดือนในครอบครัวแค่ 1 หมื่นกว่าบาท มีโอกาสซื้อหรือผ่อนได้ หรืออาจจะเป็นในรูปแบบสัญญาเช่าระยะยาว โดยกระทรวงการคลังจะพิจารณาที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ และที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เข้ามาร่วมจัดหาที่ดินให้ด้วย
“แต่ละองค์กรได้มีกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ ซี เอส อาร์ อยู่แล้ว ก็เปลี่ยนมาทำที่อยู่อาศัยให้คนอาจให้แต่ละแห่งไปทำกันเอง หรือไปสนับสนุนอะไรบางอย่าง ซึ่งกำลังภาครัฐสู้เอกชนไม่ได้ จึงจะให้เอกชนเข้ามาช่วยกัน โดยภาครัฐกลับไปดูมีที่ตรงไหน หาที่อยู่ในชุมชน สามารถเดินทางได้ไม่ใช่อยู่ในป่า แล้วต้องเสียภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น” นายอภิศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การตั้งธุรกิจเพื่อสังคม หากเงินลงทุนตั้งต้นไม่เพียงพอ สามารถมาขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินของรัฐได้ เพื่อเป็นทุนและเป็นการ
ส่งเสริมบริษัทใหญ่ให้ช่วยเหลือสังคมมากขึ้น รวมถึงจะมีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สามารถมาหักเป็นรายจ่ายได้
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีแนวคิดทำโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยให้ครอบ คลุมถึงประชาชนทั่วไป ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ หรือผู้มีเงินเดือนหรือรายได้ 10,000 บาทต่อเดือน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยมีบ้านเป็นของตัวเองสามารถผ่อนชำระ 3,000-4,000 บาทต่อเดือน ขณะที่ภาครัฐได้ศึกษาเพิ่มแรงจูงใจให้นำรายจ่ายดังกล่าวไปหักลดหย่อนภาษีแก่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้ซื้อบ้านเช่าระยะยาวได้ถึง 99 ปี และจะให้ธนาคารออมสินและ ธอส. เข้ามารองรับความต้องการสินเชื่อ
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า แนวทางการตั้งธุรกิจเพื่อสังคมเพื่อดูแลผู้มีรายได้น้อย ยอมรับว่าเป็นแนวคิดที่ดีเป็นประโยชน์ต่อสังคม และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรวมตัว ทำงานเพื่อสังคมมากขึ้น จากเดิมที่ต่างคนต่างทำ ซึ่งเดิมคิดว่าเป็นหน้าที่ของการเคหะแห่งชาติแต่ถ้าภาครัฐของความร่วมมือก็พร้อมที่จะกลับไปดำเนินการ
ทั้งนี้หลังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ทำให้ธุรกิจบ้านจัดสรรเริ่มจัดทำโปรโมชั่นคึกคักมากขึ้น ด้วยรูปแบบลด แลก แจก แถม เพื่อเร่งยอดขายช่วงปลายปี โดยเฉพาะโครงการบ้านในต่างจังหวัดเริ่มคึกคักมากขึ้นและจะทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องขยายตัว ตามไปด้วย
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ขณะนี้เริ่มส่งผลดีต่อการขยายตัวภาคอสังหามากขึ้น ยอดรอโอนเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ จะขยายตัวเพิ่มจากเดิมที่คาดไว้ที่ 5% เป็น 13% และภาพรวมทั้งปีขยายตัวได้ 5% มูลค่าการขายในกรุงเทพฯจาก 3.1 แสนล้านบาท เป็น 3.3 แสนล้านบาท และคาดว่าปี 2559 จะขยายตัวได้ที่ 5-10%
ทั้งนี้ภาคเอกชนพร้อมจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการทำโครงการบ้านเพื่อคนจน โดยจะใช้วิธีลงขันเงินจำนวนหนึ่งระยะเริ่มต้น แต่ต้องไปดูความเหมาะสมอีกครั้งขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง และจำนวนที่ดินที่จะก่อสร้างด้วย ส่วนเงินทุนก่อสร้างสามารถกู้จากสถาบันการเงินของรัฐอย่างธนาคารออมสินและ ธอส. ได้ต่อไป
สำหรับมาตรการของภาครัฐในการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ออกมาช่วยผลัก ดันให้ยอดขายโครงการนับจากนี้ต่อเนื่องปีหน้าปรับตัวดีขึ้นอย่างมากและส่งผล ให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน กทม. และปริมณฑลปีนี้เติบโตเพิ่มจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 13 และปีหน้าคาดว่าภาคอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตได้ถึงร้อยละ 5-10 และขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ยังเริ่มทำตลาด เพื่อปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี