นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าได้ทำโครงการ 1
หอการค้า 1 สหกรณ์การเกษตร เพราะจากผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำทั่วโลก ทำให้เศรษฐกิจฐานรากน่าเป็นห่วง และมองว่าการที่รัฐบาลพยายามจะกระตุ้นกำลังซื้อในภูมิภาคช่วงนี้เป็นไปค่อนข้างยาก โดยหอการค้าไทยจะทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัยต่างๆ เพื่อช่วยเหลือภาครัฐในการเข้าไปสนับสนุนกิจการสหกรณ์การเกษตรกว่า 3,800 แห่งทั่วประเทศ ที่มีสมาชิกกว่า 6 ล้านคน มีทุนดำเนินงาน ประมาณ 2.3 แสนล้านบาทต่อปี
“ระบบสหกรณ์ยังขาดความเข้มแข็ง ดังนั้นหอการค้าไทยจะเข้าไปช่วยในเรื่องการพัฒนาระบบบริหารจัดการ และการจัดหาตลาดด้วย เช่น การใช้เครือข่ายของหอการค้าไทยในการเชื่อมโยงผลผลิตของสหกรณ์การเกษตรนำไปจำหน่ายในที่ต่างๆ ส่วนเรื่องการยกระดับคุณภาพผลผลิต หอการค้าไทยจะกำหนดมาตรฐาน ให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกได้ตามมาตรฐานสากล จะมีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามากำกับดูแลการผลิต มีการเก็บข้อมูลอย่างละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อจะนำข้อมูลต่างๆ มาใช้ในระบบตรวจสอบย้อนกลับ และประเมินผล ซึ่งทางบริษัททีโอที จำกัด(มหาชน) จะเป็นผู้วางโครงข่ายเชื่อมโยงข้อมูลจากสหกรณ์ต่างๆทั่วประเทศมาเก็บไว้เป็นฐานข้อมูลกลาง”
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นหอการค้าไทยจะนำร่องกับสหกรณ์การเกษตร 100 แห่ง ภายในปี 2559 โดยตั้งเป้าหมายว่าสหกรณ์การเกษตรที่เข้าโครงการจะมีรายได้เพิ่มอย่างน้อย 30% ซึ่งขณะนี้มีสหกรณ์การเกษตรเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 29 แห่ง โดยมีหอการค้าจังหวัด ดูแลรับผิดชอบ จำนวน 17 หอการค้า และในปี 2557 ที่ผ่านมาทางหอการค้า จ.พิษณุโลก ได้เริ่มเข้าไปช่วยสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม และสหกรณ์การเกษตรนิคมบางระกำ ที่ปัญหาเรื่องการดำเนินงาน โดยได้เข้าไปช่วยทำโครงการผลิตข้าวคุณภาพตลาดทางเลือกของชาวนา ผ่านกลไกสหกรณ์ ที่มีการควบคุมการผลิตของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เมื่อโครงการนี้สำเร็จ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 34%
นอกจากนี้ ในส่วนของการที่จีดีพีของไทยปีนี้ คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นได้ที่ 2.5-3% ซึ่งในด้านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐผ่านโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้คนซื้อบ้านราคาไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท น่าจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจให้มีความคึกคักมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารายได้จากการส่งออกจะมีความสำคัญแต่การเพิ่มการบริโภคภายในประเทศและกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ ก็จะมีความสำคัญโดยในปีนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยมากขึ้น เป็น 29 ล้านคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี