ชี้ข้อตกลง‘TPP’มีทั้งบวก-ลบ
เตือนไทยอย่าเพิ่งผลีผลาม
ช้าได้แต่ต้องไม่ตกขบวน
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป วิเคราะห์ ผลกระทบการทำข้อตกลง TPP ต่อเศรษฐกิจไทย เตือนอย่าผลีผลามแต่ต้องไม่ตกขบวน มีทั้งผลได้ผลเสียต่อภาคส่วนต่างๆ ของไทยแตกต่างกัน
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2558 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป ได้ให้ความเห็น
ต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินโลกในช่วงไตรมาส 4/2558 โดยคาดการณ์ว่าตลาดการเงินโลกและตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวในทิศทางขาขึ้นในช่วงไตรมาสสี่ เป็นผลทั้งจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 6 ในรอบปีของธนาคารกลางจีนและการลดการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR)
นอกจากนี้คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป หรืออีซีบี น่าจะตัดสินใจดำเนินมาตรการ QE หรือมาตรการผ่อนคลายทางการเงินมากเป็นพิเศษโดยการเข้าซื้อสินทรัพย์ และตราสารทางการเงินเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ และการทำ QE ครั้งใหม่นี้จะส่งผลบวกต่อตลาดการเงินทั่วโลก ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวในทิศทางดีขึ้น โดยที่เม็ดเงินส่วนหนึ่งจะไหลเข้ามาทางเอเชียและไทย
ด้าน ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้วิเคราะห์ผลกระทบของความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership-TPP) ต่อเศรษฐกิจไทยว่า อย่าผลีผลามทำข้อตกลงแต่ต้องไม่ตกขบวน มีทั้งผลได้ผลเสียต่อภาคส่วนต่างๆ ของไทยแตกต่างกัน ผลกระทบระยะสั้นต่อการค้าการลงทุน การย้ายฐานการผลิตยังไม่เกิดขึ้นชัดเจน
ทั้งนี้ กรณีเข้าร่วม TPP ประเด็น การค้าสินค้าและการลงทุน การเข้าร่วมจะเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดสหรัฐและตลาดอื่นๆ ที่ไทยยังไม่ได้ทำ FTA แต่จะเป็นประโยชน์เฉพาะบางสินค้าเท่านั้นเพราะสหรัฐเก็บภาษีในอัตราต่ำอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน
ผู้ประกอบการไทยจะต้องเผชิญการแข่งขันเพิ่มขึ้นมาก อาจเกิดความเสียหายต่อภาครัฐหากมีกรณีพิพาทภายใต้ Investor-state Dispute
ส่วนผลกระทบของการไม่เข้าร่วม ประเด็น การค้าสินค้าและการลงทุนเสียโอกาสในการขยายตลาด โดยเฉพาะผลไม้แปรรูป อัญมณี เครื่องประดับ สินค้าเกษตรบางประเภท ผู้บริโภคเสียโอกาสในการซื้อสินค้าที่หลากหลายและถูกลง
“ข้อดีของการไม่เข้าร่วม คือ แรงกดดันการแข่งขันลดลง ในส่วนของภาคการเงิน หากเข้าร่วม TPP ราคาบริการภาคการเงินถูกลงลดอำนาจกึ่งผูกขาดของกลุ่มทุนการเงินไทย เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เพิ่มขึ้น ข้อเสีย คือ ระบบการเงินไทยอาจถูกครอบงำโดยทุนการเงินต่างชาติมากขึ้น และอาจแย่งงานนักการเงินชาวไทย ในส่วนของกิจการโทรคมนาคม ข้อเสียของการไม่เข้าร่วม TPP จะทำให้ค่าบริการไม่ลดลงมาก ขาดการแข่งขันและมีอำนาจผูกขาดอยู่ ข้อดีของการไม่เข้าร่วม ลดการผูกขาดโดยผู้ประกอบการต่างชาติ”
ในส่วนของกิจการบริการจัดส่ง การเข้าร่วม TPP จะทำให้กิจการไปรษณีย์ไทยเผชิญแรงกดดันการแข่งขันรุนแรง เกิด
ข้อจำกัดในการนำรายได้จากการผูกขาดในกิจการไปรษณีย์ไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ ขณะเดียวกัน การแข่งขันจะเพิ่มขึ้น ค่าบริการจะถูกลง การบริการจะหลากหลายมากยิ่งขึ้น
ส่วนเกี่ยวกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หากเข้าร่วม TPP จะเกิดความชัดเจนโปร่งใสเกี่ยวกับภาษีนำเข้าที่จัดเก็บจาก Digital Content หรือ Software หากไม่เข้าร่วม TPP ทำให้ขาดโอกาสในการพัฒนากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องและการคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนของทรัพย์สินทางปัญญา
ส่วนประเด็นทางด้านแรงงานและสิ่งแวดล้อม หากเข้าร่วม TPP มาตรฐานแรงงานและมาตรฐานสิ่งแวดล้อมถูกยกระดับให้สูงขึ้น คุณภาพแรงงานและสิ่งแวดล้อมย่อมปรับตัวดีขึ้น แต่จะเพิ่มต้นทุนให้กับผู้ประกอบการไทยและอาจทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาและต้นทุนลดลงในระยะสั้น และอาจเกิดข้อจำกัดในการทำประมงทางทะเล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี