กระทรวงพาณิชย์ เผยตัวส่งออกเดือนตุลาคม ติดลบ 8.11% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน อ้างเจอสารพัดปัจจัยลบรุมซ้ำเติม ทั้งศก.โลกตกต่ำค่าเงินผันผวน น้ำมัน-สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ หวังปีหน้าตัวเลขกลับมาเป็นบวก หลังระดมกำลังวางแนวทางลดอุปสรรคการค้า ทั้งเร่งโรดโชว์ เพื่อรักษาตลาดเดิม และหาตลาดใหม่
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ ประจำเดือน ต.ค. 2558 ว่า สถานการณ์ส่งออกในเดือน ต.ค.มีมูลค่า 18,556.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 8.11%เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 10 เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังคงตกต่ำ อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ประเทศคู่ค้ายังมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่สูง บางประเทศมีการติดลบต่อเนื่อง การนำเข้าของประเทศคู่ค้าลดลง รวมถึงสถานการณ์การก่อการร้ายที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในหลายประเทศ ขณะที่มูลค่าส่งออก 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค. 2558) มีมูลค่า 180,129.3 ล้านเหรียญสหรัฐลดลง 5.32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“การส่งออกไทยในเดือนนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ ตามปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการส่งออก ทั้งเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน ราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะในเดือน ต.ค. 2557 ส่งออกไทยมีมูลค่าสูงถึง 20,206 ล้านเหรียญสหรัฐ เพราะในช่วงต้นปี การส่งออกชะลอตัวจากปัจจัยทางการเมือง และกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 ทำให้ไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 การส่งออกมีมูลค่าสูง และเป็นไตรมาสเดียวที่ขยายตัวเป็นบวก 1.58% แต่ทั้งนี้ ตัวเลขส่งออก ต.ค. 2558 กระทรวงยังไม่พอใจนัก
แต่ก็ยอมรับว่าตัวเลขส่งออกของไทยยังดีกว่าหลายประเทศที่เป็นประเทศส่งออกสำคัญของโลก อีกทั้งส่วนแบ่งตลาดของไทยยังเพิ่มขึ้นในตลาดสำคัญ เช่น ญี่ปุ่น จีน สหรัฐ สหภาพยุโรป มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น จึงมองว่า
การส่งออกของไทยต่อจากนี้ไปน่าจะสูงขึ้นได้”
ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหดตัวตามราคาสินค้าเกษตรโลก โดยภาพรวมเดือน ต.ค.2558 ลดลง 10.3% ตามทิศทางของราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสินค้าเกษตรส่งออกสำคัญอย่างยางพาราจะมีปริมาณส่งออกสูงขึ้น แต่ราคายังคงอยู่ในระดับต่ำทำให้มูลค่าการส่งออกหดตัวลง โดยยางพารา ลดลง 7.6%ข้าวลดลง 17.6% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ลดลง 11.4%และอาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ลดลง 25.8% ส่วนผลไม้สด แช่แข็ง และแห้ง น้ำตาลทราย ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และไก่แปรรูป ยังคงขยายตัวสูงขึ้น 26.9% 5.4% 6.0% และ 4.6% ตามลำดับ
ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหดตัวลงโดยภาพรวมเดือน ต.ค. 2558 ลดลง 6.6% โดยสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของไทย คือ รถยนต์และส่วนประกอบขยายตัวที่ 0.2% ขณะที่มูลค่าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันดิบหรืออุตสาหกรรมที่มีโครงสร้างการใช้วัตถุดิบซึ่งมาจากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ลดลงต่อเนื่องจากปีก่อนหน้ามากตามภาวะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว และมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำไปจนถึงสิ้นปี
ส่วนการนำเข้า เดือน ต.ค. 2558 มีมูลค่า 16,465.3ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 18.21% ส่งผลให้ไทยยังเกินดุลการค้ามูลค่า 2,101 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ 10 เดือนการนำเข้ามีมูลค่า 170,270 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 11.27%ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้ามูลค่า 9,859 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับเป้าหมายการส่งออกของกระทรวงยังคงไว้ที่ ติดลบ 3% โดยในช่วง 2 เดือนที่เหลือ ต้องทำให้ได้เดือนละ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้การส่งออกเป็นไปตามเป้าหมาย และแนวโน้มการส่งออกในปี 2559 ขณะนี้ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศอยู่ระหว่างการรวมรวม จัดทำข้อมูล แต่ก็มองว่าการส่งออกในปีหน้าจะดีขึ้น และกลับมาเป็นบวกได้ เพราะทั้งกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พยายามผลักดันการส่งออก ทั้งการทำข้อตกลงทางการค้าเสรี(FTA) การหาตลาดและเจาะตลาดการค้าใหม่ๆ นโยบายของภาครัฐที่หันมาสนับสนุนและพัฒนาการผลิตในประเทศ สนับสนุนภาคบริการ การสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาภาคบริการ รวมถึงส่วนแบ่งตลาดของไทยที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ เป็นต้น
“การค้าโลก รวมทั้งไทย ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวแต่เมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์ส่งออกไทยกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก พบว่าอัตราหดตัวของมูลค่าส่งออกของไทยยังจัดว่าอยู่ในระดับต่ำ โดยสถิติส่งออกล่าสุดถึงเดือน ก.ย. 2558เกือบทุกประเทศทั่วโลกมีอัตราการขยายตัวของการส่งออกติดลบมากกว่าไทย อาทิ ออสเตรเลีย ลดลง 21.7%ฝรั่งเศส ลดลง 13.7% สิงคโปร์ ลดลง 14.6% ญี่ปุ่น ลดลง9.3% เกาหลีใต้ลดลง 6.6% สหรัฐ ลดลง 6.1% จากสถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนได้ว่าความสามารถทางการแข่งขันของไทยไม่ได้ลดลงตามมูลค่าส่งออก ประเทศไทยยังมีสถานการณ์การส่งออกอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าหลายประเทศ”
อย่างไรก็ตาม การผลักดันการส่งออกปี 2559 ขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งเดินทางโรดโชว์ เพื่อรักษาตลาดเดิมและทำตลาดใหม่ให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งเร็วๆ นี้ นายสมคิดจาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะนำคณะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสดงความพร้อมของไทยที่จะรองรับการค้าการลงทุนของภูมิภาคอาเซียนที่จะเกิดเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 รวมทั้งการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในวันที่ 4 ธันวาคมนี้ จะได้พิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออก เพื่อปลดล็อคอุปสรรคทางการค้ารูปแบบต่างๆ ขณะเดียวกัน ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปส่งผลให้การบริโภคในหลายประเทศเริ่มขยายตัวดีขึ้น จึงเชื่อว่าปีหน้าการส่งออกของไทยจะมีอัตราการขยายตัวเป็นบวกได้ แต่ยังต้องติดตามปัจจัยลบจากราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งผลกระทบจากการก่อการร้ายด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี