19 ม.ค.59 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงโครงการความคืบหน้าโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ว่า นายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ยืนยันในส่วนของอัตราดอกเบี้ยของโครงการรถไฟไทย-จีนที่ 2% จากเดิม 2.5% กับทาง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายสมคิด ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เจรจากับทางจีนในประเด็นของรูปแบบการลงทุน โดยต้องการให้ทางจีนมีสัดส่วนการลงทุนที่มากขึ้น จากที่เคยกำหนดสัดส่วนไทย 40% จีน 60% อาจจะปรับเป็นไทย 30% จีน 70% ซึ่งในการแบ่งสัดส่วนในการลงทุนดังกล่าว จะต้องครอบคลุมไปถึงการก่อสร้างด้วย โดยจากเดิมจะครอบคลุมเรื่องการเดินรถ และในส่วนของแหล่งเงินทุนที่หากมีการเจรจาเรื่องสัดส่วนการลงทุนก็อาจใช้วิธีจะหาแหล่งเงินทุนเองหรือยังคงกู้จากจีนเช่นเดิม โดยเรื่องอัตราดอกเบี้ย ไม่ใช่ประเด็นในขณะนี้ แต่ต้องรอการเจรจาเรื่องสัดส่วนการลงทุนให้ได้ข้อสรุปก่อน
ทั้งนี้ การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของฝ่ายจีน ทางจีนจะต้องรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของการขนส่งสินค้าและปริมาณผู้โดยสาร แต่ยืนยันว่า ไทยจะไม่เสียกรรมสิทธิ์ที่ดิน และจะต้องเจรจาร่วมกันว่า การใช้สิทธิประโยชน์ในเขตทางจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะเป็นการเจรจาผ่านบริษัทร่วมทุนของทั้ง 2 ประเทศ และเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินก็ยังคงเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และบริษัทร่วมทุนที่มาใช้พื้นที่แห่งนี้ก็ต้องมีการจ่ายเงินค่าเช่าพื้นที่ โดยต้นทุนของโครงการทางบริษัทที่ปรึกษา กำลังตรวจสอบรายละเอียดและข้อเสนอของฝ่ายจีนมาประเมินร่วมกับผลการศึกษาของฝ่ายไทยซึ่งจะใช้ระยะเวลา 1 เดือนเพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนที่จะมีการประชุมโครงการรถไฟไทย-จีนครั้งที่ 10 ณ กรุงปักกิ่ง และยังคงยืนยันเป้าหมายเดิมว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือน พ.ค. 2559
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี