นายกฯสั่งผู้ว่าฯลุยตั้งบริษัทประชารัฐ พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มรายได้ให้ชุมชนและเกษตรกร ด้าน “คลัง” หนุนนักธุรกิจรุ่นใหม่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานสานพลังประชารัฐ เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และประชารัฐระดับพื้นที่ พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานในการจัดตั้ง “บริษัทประชารัฐรักสามัคคี(ประเทศไทย) จำกัด”
การลงนามครั้งนี้มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าทีมภาครัฐ และนายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ไทยเบฟเวอเรจ ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3)
ขณะที่ กรรมการผู้ก่อตั้ง “บริษัทประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด มีอาทินายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการกลุ่มมิตรผล และประธานกรรมการหอการค้าไทยนายศุภชัย เจียรวนนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมด้วยตัวแทนจากภาคประชาสังคม และภาคประชาชน
สำหรับบริษัทดังกล่าวเกิดขึ้นจากความร่วมมือของ 3 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม โดยจดทะเบียนในรูปแบบบริษัท ในนามนิติบุคคล แต่ไม่เน้นหาผลกำไรสูงสุดไม่ปันผลกำไร รายได้ต้องมาจากการขายสินค้าและบริหารเป็นหลัก และมีธรรมาภิบาลที่ดี โดยพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง ทุกภาคส่วนมีความเชื่อมโยงกันให้แต่ละชุมชนเกิดการพัฒนานำไปสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้น และพัฒนาให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น เกิดการเพิ่มมูลค่าในการผลิต
ทางด้านการเกษตร การแปรรูป และการท่องเที่ยว โดยอาศัยประสบการณ์จากผู้นำภาคเอกชนชั้นนำของประเทศที่ประสบความสำเร็จมาเป็นแนวทาง และให้คำปรึกษา ซึ่งจะจัดตั้งครบทั้ง 76 จังหวัดภายในเดือนธ.ค.นี้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นส่วนสำคัญในการบูรณาการขับเคลื่อนแนวทางนี้เพื่อให้เกิดขึ้นจริงและเป็นรูปธรรมก่อนที่จะมีการขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างรายได้และสร้างความเข้มแข็งในพื้นที่ก่อนที่จะมีการเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคและจังหวัดต่อไป
ในวันเดียวกัน นายสมชัย สัจจพงษ์ปลัดกระทรวงการคลัง ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วม 4 องค์กร ในการจัดตั้งกิจการวิสาหกิจเริ่มต้นสร้างสรรค์เพื่อสังคมว่า การลงนามร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างนักรบใหม่ทางเศรษฐกิจไทย ถือเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต เพราะหากสามารถผลักดันการประกอบธุรกิจและสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้น หรือสตาร์ทอัพ ให้พัฒนาเป็นผู้ประกอบการใหม่ จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้อย่างมั่นคง
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4 องค์กร ประกอบด้วย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมกันจัดตั้งกิจการวิสาหกิจเริ่มต้นสร้างสรรค์เพื่อสังคม โดยจะเป็นศูนย์ส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการเป็นเจ้าของกิจการให้กับผู้ที่มีความพร้อมในการทำธุรกิจเชิงพาณิชย์โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนในการจัดตั้งหน่วยงานละ 100 ล้านบาท รวมเป็น 400 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้มีผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ 10,000 ราย ภายใน 5 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี