ค้าปลีกร้องกำลังซื้อดิ่งเหว
ลูกค้าระดับกลาง-ล่างรายได้หดส่วนเศรษฐีช็อปนอก-ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเม.ย.ร่วง
กำลังซื้อในประเทศร่วงหนัก สมาคมผู้ค้าปลีกโอดครวญตกต่ำต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2556 ส่วนตัวเลขล่าสุดไตรมาสแรกปีนี้ทรุดหนัก ต่ำสุดรอบ 20 ปี เหตุกลุ่มลูกค้าระดับกลางและระดับล่างรายได้ลดลง ส่วนพวกเศรษฐีก็แห่ไปช็อปปิ้งเมืองนอก ชี้สถานการณ์ไม่ดีขึ้นอาจหยุดขยายลงทุน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เมษายน ลดลงอีก สาเหตุหลักคือไม่มั่นใจรายได้ และภาวะเศรษฐกิจในประเทศ
นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ตัวเลขดัชนีการค้าปลีกของไทย มีอัตราการเติบโตในอัตราที่ลดลงต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2554โดยไตรมาสแรกของปี 2559 ขยายตัวเพียง 2.6% และคาดว่าทั้งปีจะขยายตัว 2.8% ลดลงจากต้นปีที่คาดว่าโต 3% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดในรอบ 20 ปี จากที่เคยโตเฉลี่ย 8% ในช่วงปี 2545-2555โดยตัวเลขดัชนีการค้าปลีกของไทยมีอัตราการเติบโตลดลงตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา โดยในปี 2555 ขยายตัว12% ปี 2556 ขยายตัว 6.3% ปี 2557 ขยายตัว 3.2% และ ปี 2558 ขยายตัว 2.8% โดยมูลค่าค้าปลีกในปี 2558 มีมูลค่า 3.1 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ โดยการบริโภคภาคค้าปลีกค้าส่งอ่อนแอลงมาตลอด เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่มีรายได้ระดับกลางลงล่าง ที่ต้องอาศัยรายได้จากการผลิตภาคการเกษตรยังอ่อนแอ ส่งผลให้สินค้าไม่คงทน เช่น อาหาร และเครื่องดื่ม ไม่มีการเติบโตเลย ขณะที่ผู้บริโภคระดับกลางถึงระดับบน ออกไปช็อปปิ้งที่ต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยมีอัตราเติบโตถึง 9% ต่อปี โดยในปี 2558 คนไทยไปใช้จ่ายในต่างประเทศสูงถึง 170,032 ล้านบาทและในจำนวนนี้เป็นการจับจ่ายสินค้าแบรนด์เนมที่มีจำหน่ายในไทยสูงถึง 50,840 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบจากตลาดหิ้วของ หรือGrey Market ที่ปัจจุบันเป็นตลาดที่ใหญ่มาก โดยข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีผู้ประกอบการขายสินค้าออนไลน์ กว่า 1 ล้านราย และมีเพียง 2% เท่านั้นที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น สินค้านอกระบบส่วนนี้ไม่เกิดประโยชน์ต่อรัฐและควบคุมได้ยาก
ทั้งนี้ทางสมาคม เสนอรัฐบาลออกมาตรการช็อปช่วยชาติอีกครั้ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเห็นว่ามาตรการช็อปช่วยชาติ ไม่ควรจำกัดอยู่เพียง 15,000 บาท แต่ควรพิจารณาให้สามารถจับจ่ายได้เกิน 15,000 บาท โดยพิจารณาเพิ่มขึ้นตามเงินรายได้พึงประเมินที่เพิ่มขึ้น เช่น คนมีรายได้พึงประเมินเกินกว่าเพดานสูงสุดก็น่าจะสามารถนำมาลดหย่อนได้มากกว่า 15,000 บาท
นอกจากนี้สมาคมมีความกังวลว่าในช่วงไตรมาส 2 และ 3 เป็นช่วงโลว์ซีซั่น สมาคมเสนอมาตรการระยะสั้นให้มีการจัดโครงการ Thailand Brand Sale โดยร่วมกับผู้ประกอบการค้าปลีกจัดลดราคาสินค้าที่หมดฤดูกาล ทุกห้างทุกศูนย์การค้าในจังหวัดท่องเที่ยว 10 จังหวัด เป็นเวลา 8 สัปดาห์ เพื่อ
กระตุ้นการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคคนไทย ที่นิยมไปจับจ่ายสินค้าในต่างประเทศ เพื่อดึงเม็ดเงินกว่า50,000 ล้านบาท กลับมาหมุนเวียนในประเทศ ส่วนมาตรการระยะยาวเสนอให้ภาครัฐผลักดันนโยบาย Duty Free City ใน 10 เมืองท่องเที่ยว เพื่อให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมายการช็อปปิ้งของนักท่องเที่ยว
“แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวแต่การลงทุนค้าปลีกยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเม็ดเงินลงทุนจากปี 2558-2560 คาดว่าจะอยู่ที่ 130,200 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 43,400 ล้านบาท ซึ่งก่อให้เกิดการจ้างงานโดยตรง 210,000 คนต่อปี และการจ้างงานทางอ้อมอีก 150,000 คน แต่สมาคม มีความกังวลว่าภาค
ค้าปลีกอาจจะไม่สามารถรักษาระดับการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง หากยอดการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังถดถอยต่อเนื่องเหมือน 4 ปีที่ผ่านมา”
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยเดือน เม.ย. 2559 ว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือน เม.ย. 2559 อยู่ที่ 72.7 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 7 เดือน แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังคงไม่มั่นใจในเศรษฐกิจของประเทศ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังรู้สึกว่าของมีราคาสูง เพราะเงินในกระเป๋ามีน้อย รวมถึงยังกังวลเรื่องการตกงาน และการหางานใหม่ในช่วงนี้ยังยาก โดยความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ปรับลดลงมาเหลือ 61.5 จาก 62.4 ในเดือนก่อน ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน ปรับลดลงมาเหลือ 68.0 จาก 68.8 ในเดือนก่อน และความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต ปรับลดลงมาเหลือ 88.5 จาก 89.5 ในเดือนก่อน ส่วนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคแยกตามภูมิภาค ยังคงปรับตัวลดลงในทุกภูมิภาค
ขณะที่ดัชนีเกี่ยวกับการใช้จ่าย ปรับลดลงในทุกตัว ทั้งการซื้อรถยนต์คันใหม่ อยู่ที่ระดับ 81.3 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 78 เดือน สะท้อนว่าคนยังไม่พร้อมจับจ่ายใช้สอย ความเหมาะสมในการซื้อบ้านหลังใหม่ อยู่ที่ระดับ 61.5 ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ความเหมาะสมในการท่องเที่ยว อยู่ที่ระดับ 62.6 ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และความเหมาะสมในการลงทุนทำธุรกิจ(SMEs) อยู่ที่ระดับ 44.5 ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
สำหรับปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน เม.ย. 2559 ด้านปัจจัยบวก คือเรื่องของการส่งออก ที่ดีขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสงกรานต์ และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ส่วนปัจจัยลบต่อความเชื่อมั่น คือ ความกังวลของภัยแล้งที่กระทบต่อรายได้เกษตรกร การปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน ราคาสินค้าเกษตร รวมถึงค่าครองชีพที่ยังทรงตัวในระดับสูง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี