นายกิตติพงศ์ รวยฟูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮบริด แฟบริค จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายสิ่งทอรายใหญ่ เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมสิ่งทอในประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทมองว่าค่อนข้างมีปัญหาในด้านการเติบโต ทั้งปัจจัยจากผู้ประกอบการในตลาดที่ทยอยปิดตัวลงไป เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวส่งผลให้เกิดปัญหาการบริการจัดการภายในองค์กร และการแข่งขันจากต่างประเทศที่ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าหลายประเทศเริ่มหันมาแข่งขันในอุตสาหกรรมสิ่งทอมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม
ทั้งนี้จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีแผนที่จะขยายสาย (ไลน์) ธุรกิจไปในส่วนของการผลิตเพื่อขายมากขึ้นผ่านการวิจัยและพัฒนาสินค้ากลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่นกีฬา ภายใต้แบรนด์ “ไฮบริด แฟบริค” โดยนำร่องในกลุ่มสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่นกีฬาสำหรับเวตเทรนนิ่ง และเสื้อผ้าไตรกีฬา ซึ่งจะจับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในระดับกลางถึงระดับบน
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่าแบรนด์ “ไฮบริด แฟบริค” จะติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดแฟชั่นชุดกีฬา ภายในระยะเวลา 2 ปีนับจากนี้ หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20-30% ของยอดขายโดยรวมของบริษัท ซึ่งในปี 2559 นี้บริษัทคาดการณ์ว่าจะสามารถทำยอดขายที่ประมาณ 50 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 2561 โดยมีเป้าหมายระดม
ทุนสำหรับการซื้อเครื่องจักร ขยายโรงงาน โรงย้อมผ้า ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมองว่าการทำโรงย้อมผ้าจะช่วยร่นเวลาในกระบวนการผลิตได้มาก จากเดิมใช้เวลารอส่งโรงย้อมประมาณ 7 วัน ก็จะเหลือเพียง 4 วัน และหากมีเครื่องจักรเพิ่ม จะช่วยให้มีกำลังการผลิตสูงขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 25 ตันต่อเดือน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี