พาณิชย์เฮลั่นประมูลข้าวลอตล่าสุด กว่า 1 ล้านตัน มีผู้ซื้อเกือบทั้งหมด ซ้ำได้ราคาดีเมื่อเทียบกับคุณภาพ คาดเปิดประมูลรอบต่อไปเดือนหน้า ส่วนข้อตกลงจีทูจีกับจีน กำลังเจรจาเรื่องราคาในลอตที่ 2 ส่วนสินค้าเกษตรอื่นๆ ทั้งมันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด ต้องรอลุ้นผล รถไฟไทย-จีน
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 พ.ค. 2559 กรมการค้าต่างประเทศ ได้เปิดให้ผู้สนใจเข้าร่วมการประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ครั้งที่ 3/2559 ปริมาณ 1.19 ล้านตัน ใน 120 คลัง ซึ่งมีเอกชนให้ความสนใจยื่นเอกสารตรวจสอบคุณสมบัติ 51 ราย และผ่านคุณสมบัติทั้งหมด โดยมีเอกชนที่ยื่นเอกสารเสนอราคาซื้อข้าวทั้งหมด 48 ราย เสนอซื้อข้าวจำนวน 1.175 ล้านตัน ใน 118 คลัง คิดเป็น 98% ของปริมาณที่เปิดประมูล มูลค่าประมาณ 10,046 ล้านบาท โดยชนิดข้าวที่มีผู้เสนอราคาซื้อมากที่สุดเป็น ปลายข้าวเอวันเลิศ ปริมาณ 390,311 ตัน รองลงมาคือ ข้าวขาว 5% และข้าวท่อนหอมมะลิ ซึ่งหลังจากนี้ คณะอนุกรรมการระบายข้าว จะมีการหารือพิจารณาการระบายอีกครั้ง ว่าจะสามารถขายได้หมดหรือไม่ และจะนำเสนอต่อประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เพื่อพิจารณาอนุมัติผลต่อไป
สำหรับราคาในการประมูลข้าวครั้งนี้ ราคาข้าวขาว 5% เฉลี่ยที่ 11,267 บาทต่อตัน ข้าวขาว10% เฉลี่ยที่ 10,550 บาทต่อตัน และปลายข้าวเอวันเลิศ เฉลี่ยที่ 7,879 บาทต่อตัน ซึ่งราคาการประมูลครั้งนี้ถือว่าเป็นราคาที่ดี และน่าพอใจ เนื่องจากข้าวในสต๊อกของรัฐเป็นข้าวเก่า 3 ปี และราคาไม่ต่างกับราคาข้าวในตลาดจนน่าเกลียด โดยขณะนี้ราคาในตลาดสำหรับข้าวขาว 5% อยู่ที่ประมาณ 14,000 บาทต่อตัน ปลายข้าวเอวันเลิศ อยู่ที่ 11,000 บาทต่อตัน ทั้งนี้หากในการประชุมคณะทำงานพิจารณาให้ขายข้าวครั้งนี้ได้ทั้งหมด จะทำให้ข้าวในสต๊อกเหลือ 10 ล้านตัน จากปัจจุบันที่มีอยู่ 11.4 ล้านตัน โดยการประมูลรอบต่อไปคาดว่าจะดำเนินการได้ในเดือน มิ.ย.ซึ่งอยู่ระหว่างการคัดเลือกกองข้าวเพื่อนำมาประมูลในรอบต่อไป
สำหรับการระบายข้าวในวันที่ 19 พ.ค. 2559 ได้เปิดให้ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติการประมูล ยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าว ปริมาณ 1.19 ล้านตัน จำนวน 120 คลัง เป็นข้าว 14 ชนิด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ข้าวหอมจังหวัด ข้าวขาว 5% ข้าวขาว10% ข้าวขาว 25% เลิศ ข้าวเหนียวขาว 10%ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมจังหวัด ข้าวท่อนปทุมธานี ปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวหอมจังหวัด ปลายข้าวปทุมธานี ปลายข้าวเอวันเลิศ และปลายข้าวเอวัน ซึ่งข้าวที่นำมาออกมาประมูลครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นปลายข้าว รองลงมา คือ ข้าวขาว เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้ตลาดข้าวมีความต้องการปลายข้าว เพื่อทดแทนการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์เป็นจำนวนมาก ประกอบกับราคาข้าวในตลาดมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการนำข้าวดังกล่าวออกมาเปิดประมูลในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศได้เปิดประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลไปแล้วรวม 14 ครั้ง (ไม่รวมการประมูลวันที่ 19 พ.ค.) พบว่าสามารถระบายข้าวได้แล้ว 5.4 ล้านตัน มูลค่า 5.76 หมื่นล้านบาท หากการประมูลในวันที่ 19 พ.ค. มีการอนุมัติขายทั้งหมด จะทำให้รัฐสามารถระบายข้าวรวมทั้งหมด 6.5 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 6.76 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ในส่วนของเรื่องราคาข้าวเหนียวที่สูงขึ้นนั้น มองว่าราคาไม่ได้แพงผิดปกติ เนื่องจากตอนนี้ความต้องการของตลาดมีมาก ทั้งการส่งออกที่เพิ่มขึ้นและความต้องการในประเทศก็มีมาก ซึ่งในปีนี้จากภาวะภัยแล้งก็ส่งผลให้ผลผลิตลดลงจำนวนมาก และเมื่อเทียบกับราคาข้าวหอมมะลิอาจมีความต่างกันมาก เพราะที่ผ่านมาราคาข้าวหอมมะลิตกลงไปเยอะอีกทั้งราคาข้าวเหนียวก็ถือว่าเป็นข้าวที่ค่อนข้างผันผวนมีทั้งราคาปรับขึ้นและลง ซึ่งหากราคาปรับขึ้นก็จะสูงเร็วมาก และหากราคาลดลง ก็จะลดลงเร็วมากเช่นกัน
นางดวงพรกล่าวเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) กับรัฐบาลจีน ว่า การส่งมอบข้าวให้กับจีนในสัญญาเก่าปริมาณ 1 ล้านตัน จะสิ้นสุดในเดือนพ.ค. 2559 นี้ และจะมีการเริ่มต้นเจรจาราคาข้าวและกำหนดวันส่งมอบข้าว ตามสัญญาการซื้อขายข้าวปริมาณ 1 ล้านตัน ที่ได้เซ็นกันไปล่าสุด หรือ 1 ล้านตันแรก ที่ได้มีการตกลงกับจีน ในเดือน มิ.ย. 2559 นี้ และในช่วงปลายเดือน มิ.ย. 2559 ก็จะเร่งรัดให้จีนมีการเซ็นสัญญาซื้อขายข้าวเพิ่มอีก 1 ล้านตัน หรือ ล้านตันที่สอง ตามที่ก่อนหน้านี้ได้ตกลงที่จะมีการซื้อขายข้าวระหว่างกัน 2 ล้านตัน ส่วนสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด น้ำมันปาล์ม และผลไม้ อาจต้องรอความชัดเจนของการเจรจาเรื่องรถไฟก่อน เนื่องจากสินค้าเกษตรตัวอื่น นอกเหนือจากข้าว 2 ล้านตันนั้น มีข้อผูกมัดเชื่อมโยงกับโครงการความร่วมมือด้านรถไฟ ไทย-จีน
“ในการคุยกับจีนเรื่องข้าวล้านตันที่สอง ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับจีนไปแล้ว ในช่วงที่เดินทางไปปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อประชุมคณะกรรมการบริหารร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 4 ว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 13 พ.ค. 2559 ที่ผ่านมา และในช่วงที่จีนจะมาหารือกับกระทรวงคมนาคมในช่วงปลาย มิ.ย. นี้ ไทยจะเร่งรัดให้จีนเซ็นสัญญาซื้อขายโดยเร็ว และในเดือน มิ.ย. นี้ ตามสัญญาซื้อขายข้าวจำนวน 1 ล้านตันแรก ของรัฐบาลปัจจุบัน ระหว่างกรมการค้าต่างประเทศ และ COFCO Corporation ที่ได้ลงนามไปเมื่อ 3 ธ.ค. 2558 ซึ่งเป็นข้าวฤดูการผลิตใหม่ทั้งหมด จะเริ่มตกลงราคาและส่งมอบได้”
ทั้งนี้จีนเป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทยเฉลี่ยปีละ 0.40 ล้านตัน และเพิ่มปริมาณขึ้นเป็นลำดับ โดยในปี 2558 จีนนำเข้าข้าวจากไทยปริมาณ 0.93 ล้านตัน นับเป็นปริมาณสูงสุดในรอบสิบปีที่ผ่านมา ส่วนในปี 2559 (ม.ค.-มี.ค.) นำเข้าปริมาณ 0.26 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีปริมาณ 0.14 ล้านตัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี