บริษัทในเครือ “เอไอเอส” คว้าไลเซ่นส์ 4G คลื่น 900 MHz แบบไม่ต้องลุ้นหลังเข้าชิงเพียงรายเดียว โดยยืนยันราคา 75,654 ล้านบาท
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ได้จัดการประมูลใบอนุญาต(ไลเซ่นส์) ให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) หรือ4G ช่วงที่ 1 ย่าน (895-905 MHz คู่กับ940-950 MHz) รอบที่ 2 เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2559 ที่ผ่านมา
โดยในการเปิดประมูลรอบนี้มีบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือเอดับบลิวเอ็น (ในเครือบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส) เพียงรายเดียวที่เข้าร่วมการประมูลดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 09.00 น. มีผู้บริหารเครือเอไอเอส ที่เดินทางมาร่วมประมูล อาทิ นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอไอเอส นายปรัธนา ลีลพนังรองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอสนายสุทธิชัย ชื่นชูศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานธุรกิจสัมพันธ์และพัฒนา ไอเอเอส
โดยการประมูลรอบแรกได้เริ่มขึ้นในเวลา 09.30 น. บริษัทได้เสนอราคาการประมูลคลื่นความถี่ ที่ราคา 75,654 ล้าน จากนั้นก็เป็นการเคาะรอบที่สองเมื่อเวลา 10.05 น. โดยเอดับบลิวเอ็นมีการเคาะยืนยันราคาเดิมที่ 75,654 ล้านบาท ในเมื่อมีผู้ประมูลเพียงรายเดียวทำให้ เอดับบลิวเอ็นชนะการประมูล รวมระยะเวลาการประมูล 35 นาที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับค่าใบอนุญาตที่ 75,654 ล้านบาท เป็นราคาที่ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลรอบก่อนหน้านี้ (จัดขึ้นเมื่อวันที่ 15-18 ธ.ค. 2558) แต่ต่อมาแจสฯ ไม่สามารถชำระเงินในงวดแรกได้ทันระยะเวลาที่กำหนดทำให้ต้องมีการจัดการประมูลในครั้งนี้การประมูล 4G รอบใหม่ โดยใช้ราคาเคาะเริ่มที่ราคาดังกล่าว
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่าผู้เข้าร่วมการประมูลต้องเคาะยืนยันราคาตั้งต้น 75,654 ล้านบาท หนึ่งครั้ง จึงจะถือเป็นผู้ชนะการประมูล อย่างไรก็ตาม การประมูลในครั้งนี้ แม้จะมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียงรายเดียว แต่กฎกติกายังเป็นไปอย่างเคร่งครัดเหมือนเดิม อาทิ ผู้แทนผู้เข้าร่วมการประมูลเมื่อเข้าห้องประมูลแล้วจะไม่สามารถออกนอกพื้นที่ที่กำหนดได้จนกว่าจะสิ้นสุดการประมูล ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นและได้รับอนุญาตให้ผู้แทนผู้เข้าร่วมประมูลออกจากพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งหากมีการออกจากห้องประมูลจะไม่อนุญาตให้กลับเข้าห้องประมูลได้อีก
ทั้งนี้ กสทช. จะออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz และใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สามให้แก่ผู้ชนะการประมูลภายหลังจากผู้ชนะการประมูลได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข อาทิ เงื่อนไขการชำระเงิน เงื่อนไขการดำเนินการก่อนรับใบอนุญาตอย่าครบถ้วนถูกต้องภายใน 90 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งผลการประมูล กรณีที่ผู้ชนะการประมูลไม่ดำเนินการตามเงื่อนไข จะถูกริบหลักประกันการประมูล 3,783 ล้านบาท และชำระค่าเสียหาเพิ่มไม่น้อยกว่า 11,348 ล้านบาท นอกจากนั้นผู้ผิดเงื่อนไขหรือผู้ที่มีความเกี่ยวโยงกันจะไม่สามารถยื่นขอรับใบอนุญาตเพื่อประกอบกิจการโทรคมนาคมใดๆ ได้ต่อไป
“ค่าใช้จ่ายในการประมูลครั้งนี้จะให้หลังจากประมูลเสร็จสิ้น ผู้ชนะจะต้องมาชำระเงินประมูลได้ภายใน 90 วัน จะมีระยะเวลาใบอนุญาต 15 ปี โดยจะสิ้นสุดเวลาในปี ก.ค. 2576”
นายสืบศักดิ์ สืบภักดี นักวิจัยโทรคมนาคม ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพประเมินภาพการแข่งขันในธุรกิจโทรคมนาคภายหลังเอดับบลิวเอ็น ชนะการประมูลว่า ในแง่ความเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าส่วนแบ่งตลาดจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาก โดยเอไอเอส ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งจะยังคงรักษาส่วนแบ่งไว้ได้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ขณะที่อันดับ 2 และ 3 มีแนวโน้มที่จะมการเปลี่ยนแปลง เมื่อทรูฯมีคลื่นความถี่อยู่ในมือเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ ดีแทคเองได้พยายามพัฒนาคุณภาพบริการ และขยายโครงข่ายเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ เช่นกัน
นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอไอเอส กล่าวว่า ค่าใบอนุญาตที่มูลค่า 75, 654 ล้านบาทนั้นได้ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วในทุกด้าน ทั้งในเรื่องของผลตอบแทนทางการเงิน ซึ่งบริษัทได้จ้างที่ปรึกษามาพิจารณา และผ่านการอนุมัติของคณะกรรมการบริหารของบริษัทแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี