หอการค้า 5 ภาค สรุปเศรษฐกิจครึ่งปีแรกยังชะลอตัวแต่ยังเชื่อครึ่งปีหลังกลับมาดีแน่นอน พร้อมจับมือมหาดไทย ร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค เตรียมจัดเวทีถกระดมสมองต่อเนื่อง
นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยถึงการสรุปผลขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจหอการค้า 5 ภาค ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยรวมของหอการค้าไทยอยู่ที่ 42 จุด ซึ่งนักธุรกิจหอการค้าไทยยังไม่มีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจโดยรวมปัจจุบัน เนื่องจากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของหอการค้าไทยอยู่ที่ 22.8 จุด เนื่องจากยังมีปัจจัยลบจากการส่งออกที่ลดลง เพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมทั้งการบริโภคในประเทศก็มีแนวโน้มชะลอตัวจากปัญหาภัยแล้งและราคาสินค้าเกษตรยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลต่อรายได้ของเกษตรน้อยลงและมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นทำให้ผู้ประกอบการกว่า 43.7% เห็นว่ายอดขายในปัจจุบันแย่ลง ส่วน 34.8% บอกว่าไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ต้นทุนของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง และ 45.6% ตอบว่าแย่ลง
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีการเบิกจ่ายงบการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่คาดว่าจะเข้าสู่ระบบในช่วงครึ่งหลังของปี ทำให้นักธุรกิจหอการค้าไทยมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคตสูง โดยมีค่าดัชนีอยู่ที่ 86.1 จุด และประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัว 3% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ 3.5%
สำหรับการประชุมใหญ่หอการค้าภาค 5 ภาค ประจำปี 2559 ระหว่างวันที่ 28-29 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมาว่าได้มีการติดตามภาวะเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค แนวโน้ม รวมถึงหารือแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งหอการค้าแต่ละภาคระบุว่าเศรษฐกิจของภูมิภาคยังไม่ดีมากนัก แต่ก็มีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังมีทิศทางที่ดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก โดยจะรวบรวมข้อมูลการประชุมเศรษฐกิจหอการค้าภาค 5 ภาคเสนอให้กระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นข้อมูลในการใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป
นอกจากนี้ได้ร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยประชุมพัฒนาเศรษฐกิจในแต่ละภาค โดยในวันที่ 7-8 มิถุนายน นี้จะประชุมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ 13-14 มิถุนายน จะมีการประชุมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ที่ จ.ขอนแก่น 20-21 มิถุนายน จะมีการประชุมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภาคเหนือ ที่ จ.เชียงใหม่ และ 23-24 มิถุนายน จะมีการประชุมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพฯและปริมณฑล
นายปรัชญา สมะลาภา ประธานกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรก เศรษฐกิจของภาคตะวันออกดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกโดยเฉพาะการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งปีคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 4.4% ขณะที่ผู้ประกอบการมองว่าครึ่งปีแรกสภาพธุรกิจยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่ในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นซึ่งผู้ประกอบการจะต้องพยายามให้มากกว่าเดิม และมองว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่รัฐอยู่ระหว่างดำเนินการ และการทำให้ท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นท่าอากาศยานพาณิชย์ จะช่วยในเศรษฐกิจของภาคตะวันออกขยายตัวได้มากกว่า 4.4%
นายประพันธ์ เตะสกลกิจกูร ประธานกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตมีทิศทางที่ดีขึ้นโดยทั้งปีคาดว่าเศรษฐกิจของภาคอีสานจะขยายตัว 3.4% ซึ่งจะเป็นผลดีจากการค้าชายแดนที่ดีขึ้น เพราะมีพื้นที่เชื่อมต่อกับหลายประเทศ เช่น ลาว ไปจีนตอนล่าง กัมพูชาไปเวียดนาม เป็นต้น อีกทั้งการท่องเที่ยวก็ยังมีการขยายตัวที่ดี ซึ่งภาคอีสานมีโครงการเร่งด่วนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น การขยายการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว การแปรรูปและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร การชูจุดเด่นของข้าวหอมมะลิที่มีความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ เป็นต้น
ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ ประธานกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคกลาง กล่าวว่า เศรษฐกิจของภาคกลางตัวเลขต่างๆ ยังคงปรับลดลงตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศโดยทั้งปีคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 2.4% ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญคือ สินค้าเกษตร และการท่องเที่ยว ซึ่งในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจของภูมิภาคน่าจะดีขึ้นตามสัญญาณต่างๆของภาครัฐ ผ่านโครงการต่างๆ ซึ่งจะมีผลต่อการลงทุนของเอกชนที่จะชัดเจนตามไปด้วย ส่วนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคกลาง จะเน้นเรื่องสินค้าเกษตร ด้านการท่องเที่ยวจะเน้นการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวพักนานขึ้น และจับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ขณะที่ด้านอาหาร อาจต้องเชื่อมโยงวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอาหารทะเล เพื่อให้คล่องตัว
นายวิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ ประธานกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ กล่าวว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคจะขยายตัวได้มากกว่า 2.8% เพราะได้รับผลดีจากการเมืองที่มีเสถียรภาพ ซึ่งมีผลดีต่อการท่องเที่ยว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐ และการลงทุนที่มีความชัดเจนส่งผลดีต่อเนื่องในทุกภาคส่วน รวมถึงการค้าชายแดน ภาคเหนือมีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่ง และมีเขตเศรษฐกิจพิเศษ 2 แห่ง คือที่ จ.ตาก และจ.เชียงรายเชื่อว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคเหนือได้โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ที่ภาคเหนือวางไว้ก็เกี่ยวข้องทั้งการท่องเที่ยว ซึ่งขยายตัวอย่างเข้มแข็ง จะเน้นการขายศิลปะวัฒนธรรม วิถีชีวิตแบบไม่เร่งรีบ เช่น น่าน แพร่ พะเยา เพชรบูรณ์ ด้านการค้าก็เน้นเรื่องการค้าชายแดน
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ กล่าวว่า เศรษฐกิจของภาคใต้ทั้งปีจะขยายตัว 2.3% โดยมีจุดเด่นเรื่องการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างเข้มแข็งแต่สินค้าเกษตรก็เป็นสินค้าสร้างรายได้หลักของคนในพื้นที่ เช่น ยางพารา ราคาไม่ดีเท่าปีก่อนๆ ทำให้รายได้และมีหนี้ครัวเรือนสูง การขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะเน้นการค้าชายแดนการเกษตร โดยเฉพาะยางพารา และปาล์มน้ำมัน การท่องเที่ยว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี