นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่สหราชอาณาจักรถอนตัวจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยทำให้จีดีพีหายไป 0.32% หรือคิดเป็น 44,850 ล้านบาท จากการที่มูลค่าส่งออกหายไป 24,850 ล้านบาท โดยเฉพาะจากตลาดอังกฤษ 8,875 ล้านบาท จากตลาดสหภาพยุโรป (อียู) รวมอังกฤษ 14,200 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังอาจส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวหายไป 10,000 ล้านบาท หลังนักท่องเที่ยวลดลง 200,000 คน เฉพาะนักท่องเที่ยวอังกฤษหายไป 60,000 คน คิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านบาท และการบริโภคภายในประเทศลดลง 10,000 ล้านบาท ทำให้จีดีพีของไทยที่คาดว่าจะเติบโต 3-3.5% จะเหลือเพียง 2.7-3.2% เท่านั้น แต่หอการค้าฯยังไม่ปรับจีดีพีใหม่ โดยจะรอดูผลระยะกลางช่วง 1-3 เดือนจากนี้ก่อนว่าผลกระทบจะไปในทิศทางใด
“ไทยยังโชคดีที่เกิดกรณีเบร็กซิทในช่วงนี้ เพราะข้อดีคือตอนนี้นักท่องเที่ยวยังหายไปไม่มากนัก เนื่องจากยังไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่น แต่เมื่อเข้าเดือนตุลาคม จะต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้งว่าเบร็กซิทจะมีผลกระทบไปทางไหน อียูจะใช้ไม้นวมหรือไม้แข็งกับอังกฤษ เพื่อไม่ให้ประเทศอื่นเอาอย่าง ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะต่างกัน แต่มองว่าระยะแรกๆอียูจะค่อยๆเจรจากับอังกฤษในเชิงบวก เพื่อประคองไม่ให้เศรษฐกิจโลกบอบช้ำมากไปกว่านี้ในช่วงไตรมาส 4 และให้เศรษฐกิจโลกพอฟื้นตัวได้ก่อน แล้วค่อยไปเล่นแรงๆในช่วง 2 ปีหลังที่เศรษฐกิจโลกดีขึ้นแล้ว”นายธนวรรธน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม หอการค้าฯขอแนะนำให้รัฐบาลเร่งสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทย ด้วยการบริโภคภายใน ทั้งเร่งกระตุ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งงบกลางหรือกองทุนฉุกเฉิน เพื่อไว้อัดฉีดเงินเข้าระบบ 50,000 ล้านบาท ตามวงเงินที่จะหายไป เพื่อพยุงเศรษฐกิจตามรูปแบบเศรษฐกิจ 4.0 หากเกิดกรณีฉุกเฉินให้อัดฉีดเงินเข้าภาคการเกษตร ฐานราก รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งในภูมิภาคเอเชียด้วย โดยเฉพาะการค้าชายแดน ตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 2559 ต่อเนื่องไปถึงปี 2560
“คาดว่าเงินจะหายไปจากระบบ 50,000 ล้านบาท จากการที่จีดีพีลดลง 0.32% โดยมองกรอบ 30,00-60,000 ล้านบาท หรือ 0.2-0.4% ทำให้คาดว่าจีดีพีของไทยปี 2559 นี้คงจะเหลือเพียง 2.7-3.2% เท่านั้น จากเดิมที่มองไว้ 3-3.5% ก่อนเกิดเบร็กซิท หลังจากครึ่งปีแรกเติบโต 2.8-3.3% และครึ่งปีหลัง 2559 นี้จะเติบโต 3.3-3.8% แต่เมื่อเกิดเบร็กซิทแล้ว โอกาสที่จะเติบโตถึง 3% นั้นมีน้อยลงไปมาก แต่ก็ยังมีโอกาสเติบโตถึง 3% ได้ ถ้ารัฐบาลมีมาตรการอัดฉีดออกมา และยังไม่มีความเสี่ยงใดเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีกในระยะ 1-3 เดือนข้างหน้านี้” นายธนวรรธน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจภาคธุรกิจบริการ การค้า อุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม พบว่า ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจภายในประเทศ ธุรกิจในภาคการส่งออก มองว่าปัญหาเบร็กซิทนี้จะกระทบระยะสั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ กำไร และสภาพคล่องมากนัก เพราะยังเชื่อว่าภาคเศรษฐกิจของไทยยังมีความเข้มแข็งอยู่ แต่ยอมรับว่าจะกระทบมากในภาคการท่องเที่ยว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี