รมช.พาณิชย์ บินไปเจรจา “เอฟทีเอ” ที่อังกฤษ เผยได้เชิญชวนบริษัทยักษ์ใหญ่ลงทุนอุตสาหกรรมการบิน ขณะที่การเจรจากับ “ตุรกี” ต้องเลื่อนแบบไม่มีกำหนด หลังปัจจัยการเมืองป่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำหนดการเดิมวันที่ 19 ก.ค. 2559 นี้ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ มีกำหนดการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐตุรกี เพื่อประกาศเปิดเจรจาเสรีทางการค้า (Free Trade Agreement-FTA) หรือ เอฟทีเอ ไทย-ตุรกี ตามเจตนารมณ์ของทั้ง 2 ประเทศ อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมือง หรือเกิดการรัฐประหารขึ้นแต่การล้มเหลวของทหาร ทำให้คณะเจรจาเอฟทีเอต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
“เศรษฐกิจของตุรกีถือเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และยังมีการขยายตัวได้ อีกทั้งยังเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศ G20 รวมทั้งมีที่ตั้งได้เปรียบด้านยุทธศาสตร์สามารถเป็นสะพานเชื่อมระหว่าง เอเชียกับยุโรป และเป็นจุดเชื่อมต่อทางการค้าได้อย่างดีและเป้าหมายของการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-ตุรกี นั้น มีเป้าหมายการเจรจาให้เสร็จสิ้นภายในกลางปี 2560 และเชื่อว่าหลังจากปัญหาภายในประเทศตุรกีหมดไปคงจะเริ่มเดินหน้าเจรจากันได้”
อย่างไรก็ดีในส่วนการเจรจา เอฟทีเอ ไทย และสหราชอาณาจักร นั้นระหว่างวันที่ 11-14 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะทำข้อตกลงร่วมกันแล้ว
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ กล่าวผลการเดินทางไปเยือนสหราชอาณาจักร ว่า กระทรวงพาณิชย์ มียุทธศาสตร์การค้าที่จะเน้นเจรจาแบบหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทวิภาคีเป็นรายสาขาในสาขาที่ต่างฝ่ายมีความสนใจ ได้แก่ การค้า การลงทุน ท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน(ดิจิทัล) นวัตกรรม และเทคโนโลยี คู่ขนานไปกับการทำเอฟทีเอแต่เนื่องจากเหตุการณ์การทำประชามติอังกฤษจากต้องแยกตัวออกมาจากสหภาพยุโรปนั้นหรือ Brexit นั้น สะท้อนให้เห็นว่าการรวมตัวกันแบบแน่นหนา อาจไม่ส่งผลดีเสมอไป ซึ่งในส่วนของอาเซียนยังอยู่ในแบบการรวมตัวแบบหลวมๆ และจากนี้จะพยายามเร่งรัดการเจรจาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคของอาเซียน(RCEP) ให้เสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ มีแนวคิดแผนยุทธศาสตร์ 3 ประเทศ หรือ การจัดตั้งหุ้นส่วนธุรกิจหลายฝ่ายเพื่อการลงทุนในประเทศที่สาม เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า การลงทุนมากขึ้น เช่น ไทย-ญี่ปุ่น-จีน, ไทย-สหราชอาณาจักร-จีน, ไทย-สหราชอาณาจักร-อาเซียน เป็นต้น
สำหรับกลุ่มประเทศเป้าหมายที่จะเน้นเจรจาการค้าด้วย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ 1.กลุ่มประเทศ CLMVT ประกอบด้วย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนามและไทย ที่จะเน้นการพัฒนาให้มีความเจริญร่วมกัน 2.กลุ่มที่มีบทบาทจะขับเคลื่อนเอเชียในอนาคต ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้และอินเดีย ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะเจรจาเพื่อแลกเปลี่ยนด้าน
การค้าและการลงทุนในส่วนที่แต่ละฝ่ายมีศักยภาพ และ 3.กลุ่มที่มีขีดความสามารถพิเศษในการพัฒนาต่อยอดในอนาคตเช่น อิหร่านและรัสเซีย เป็นต้น
ทั้งนี้ในการเยือนสหราชอาณาจักร ตนยังได้พบปะหารือกับ สมาคมธุรกิจไทยในสหราชอาณาจักร (ATBUK) โดยได้ทราบถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือในภาคธุรกิจบริการของไทย ทั้งพ่อครัวแม่ครัว และพนักงานนวดไทย และผลกระทบจาก Brexit ที่ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ลดลง กระทบต่อสินค้าไทย ทำให้ราคาสินค้าไทยสูงขึ้นมากถึง 15% ก่อให้เกิดปัญหาการแข่งขันได้ในด้านราคา แต่ในส่วนของอุตสาหกรรมบริการ อาทิ โรงแรม และสปา ได้รับผลกระทบในเชิงบวก
สำหรับมูลค่าการค้ารวมไทยและสหราชอาณาจักรเฉลี่ย 3 ปีที่ผ่านมา (2556-2558) มีมูลค่า 3,667.3 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยระหว่างปี 2556-2558 สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าอันดับที่ 19 ของไทย และถือเป็นคู่ค้าอันดับที่ 2 จากสหภาพยุโรป โดยสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหราชอาณาจักรที่สำคัญ ได้แก่ ไก่แปรรูป, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, แผงวงจรไฟฟ้า, รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ, อัญมณี ฯลฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี