วันจันทร์ ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
2บิ๊ก'กสทฯ-ทีโอที'พบ'ไอซีที' รับทราบมติ'คนร.'เป็นทางการ

2บิ๊ก'กสทฯ-ทีโอที'พบ'ไอซีที' รับทราบมติ'คนร.'เป็นทางการ

วันศุกร์ ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 11.41 น.
Tag : กสทฯ ทีโอที มติครน. ไอซีที
  •  

29 ก.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรพันธ์ เมฆนาวิน กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการ ใหญ่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที มีหนังสือถึงประธานสหภาพรัฐวิสาหกิจ กสทฯ และสรท. บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อหารือร่วมกัน เรื่องแผนการแก้ไขปัญหาของทั้ง 2 องค์กรและชี้แจงทำความเข้าใจกรอบแนวทางการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหา เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2559 ที่ผ่านมา โดยจะมีการเข้าพบบอร์ดกสทฯ ในวันนี้ เพื่อหารือเรื่องดังกล่าวร่วมกันต่อไป

นอกจากนีเ กระทรวงไอซีทียังได้เชิญ ผู้บริหาร กสทฯ และ ทีโอทีเข้ารับทราบมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) อย่างเป็นทางการ เรื่องการแปรรูป 2 รัฐวิสาหกิจ การปรับโครงสร้างของ ทีโอที และกสทฯ ด้วยการจัดตั้งบริษัทลูก 3 บริษัทเพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินของทีโอที และกสทฯ ได้แก่ 1.บริษัทโครงข่ายบรอดแบนด์ภายในประเทศ(NBN CO) 2.บริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศ(NGN CO) 3.บริษัทศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต (IDC) โดยเบื้องต้น ทั้ง 3 บริษัท จะเป็นรัฐวิสาหกิจ  100%  ยกเว้นบริษัทไอดีซีที่อนาคตจะต้องเป็นเอกชนเพื่อให้มีความคล่องตัวในการแข่งขันโดยครน.กำหนดกรอบระยะเวลาในการทำงานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ก.ค.2560


อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าว บอร์ด กสทฯ ได้มอบหมาย ให้ กจญ เข้าพบ นายพันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้ช่วย รมว.ไอซีที ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการแปรรูปรัฐวิสหากิจโดยกสทฯ มีประเด็นและข้อซักถามหลักที่เป็นข้อกังวลและเป็นผลกระทบโดยตรง คือพนักงาน สิทธิประโยชน์สภาพการจ้างงาน กรณีมีพนักงานที่มีสิทธิไปทำงานสิทธิประโยชน์จะเป็นอย่างไรส่วนพนักงานที่ไม่ไปจะได้สิทธิประโยชน์หรือไม่และองค์กรจะอยู่รอดได้จริงหรือไม่หากมีการแปรรูปหน่วยงาน 2 หน่วยงานนี้

"ส่วนตัวคิดว่าการรวมกันทีโอทีและกสทฯมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือการที่มีนโยบายแบบนีออกมาทำให้องค์กรมีการตื่นตัวให้เกิดการผลักดันองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อเสีย ในการปรับปรุงทีโอทีและกสทฯซึ่งถือเป็นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ 2 หน่วยงานเรื่องการสื่อสารนโยบาย ว่าจะไปในทิศทางไหนดำเนินการอย่างไรอยากให้มีความชัดเจนมากกว่านี้"

นอกจากนี้วันที่  4 ส.ค.59 จะมีการประชุมบอร์ด กสทฯโดยมีวาระเรื่องแผนการชำระหนี้ค่าเช่าโครงข่ายโทรคมนาคม 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 850 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) โดยภาระหนี้ดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมาจากการใช้ความจุ (แบนด์วิธ) โครงข่ายระบบ 3G เพิ่มเติมภายใต้สัญญาการทำธุรกิจรูปแบบใหม่สัญญาบริการขายส่งบริการบนโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ HSPA กับ บริษัท เรียล มูฟ จำกัดและบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัดซึ่งสัญญาดังกล่าวได้ทำไว้เมื่อวันที่ 27 ม.ค.54

ทั้งนี้ ตามสัญญาดังกล่าวทรูมีสิทธิ์ใช้ความจุโครงข่าย 80% ส่วนที่เหลืออีก 20% กสทฯสามารถนำไปให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆเช่าใช้โครงข่ายได้เนื่องจากความจุโครงข่ายของกสทฯเหลือใช้จึงได้เจรจากับทรูฯ ให้มาเช่าใช้เพิ่มเติมโดยการเจรจายังไม่สิ้นสุดและยังไม่ได้ทำสัญญาแต่ทรูฯได้นำความจุโครงข่ายที่เหลือไปใช้งานเมื่อปี 2557-2558 โดยใช้ความจุโครงข่ายเพิ่มอีก  17% ทำให้กสทฯ ต้องเรียกเก็บเงินค่าเช่าเพิ่มเคิดเป็นเงินทั้งสิ้น 9,200 ล้านบาท โดยทรูฯได้ยินยอมที่จะชำระเงินโดยขอแบ่งชำระเป็นเงินสด4,200 ล้านบาท ผ่อนชำระเป็นงวด เป็นเวลา 8 ปีพร้อมอัตราดอกเบี้ย 7.5%  ส่วนที่เหลืออีกราว5,200 ล้านบาททรูขอชำระเป็นความจุโครงข่ายระบบ 4G คืนให้กสทฯ เพื่อให้กสทฯนำไปให้บริการลูกค้าเป็นเวลา 10 ปี

อย่างไรก็ตามวาระดังกล่าวบอร์ดจะสรุปสัญญาให้จบภายในเดือนสิงหาคมนี้เนื่องจากการค้างชำระหนี้ของทรูเป็นปัญหาและกระทบต่อรายได้ของกสทฯซึ่งหากไม่สามารถเร่งสรุปได้ภายในเดือนสิงหานี้ที่จะต้องปิดงบบัญชีของบริษัท จะส่งผลทำผลประกอบการรายได้กสทฯ ปี 2558 ขาดทุน จากกสทฯในปีที่่ผ่านมาเกิดการขาดทุนสะสมมาโดยตลอด

ด้านนายพันธ์ศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ยังคงเดินหน้าตามมติ คนร. คือจัดตั้งบริษัทลูก 3 บริษัท เพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินของทีโอที และ กสท ได้แก่ 1.บริษัทโครงข่ายบรอดแบนด์ภายในประเทศ (NBN CO) 2.บริษัทโครงข่ายระหว่างประเทศ (NGN CO) และ 3.บริษัทศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต (IDC CO) โดยเบื้องต้นทั้ง 3 บริษัทจะเป็นรัฐวิสาหกิจ 100 % ยกเว้นบริษัทไอดีซีที่อนาคตจะต้องเป็นเอกชนเพื่อให้มีความคล่องตัวในการแข่งขัน เพราะก่อนหน้านี้คนร.เห็นว่าการแก้ปัญหาด้วยการตั้งกลุ่มหน่วยธุรกิจของทั้ง 2 บริษัท เพื่อนำมาบริหารจัดการร่วมกันไม่มีความคืบหน้าเลย ตั้งแต่คนร.มีคำสั่งมากว่า 2 ปี แล้ว แต่สิ่งที่สหภาพฯเสนอคือต้องการให้ทำงานคล่องตัวขึ้น ซึ่งตนเองก็คิดว่าหากจะทำเช่นนั้นก็มี 2 แนวทางคือ นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์และขายหุ้นให้เอกชน ซึ่งก็จะถูกกล่าวหาอีกว่าขายสมบัติชาติ หรือ จะให้แก้กฎหมายเฉพาะให้กับ 2 รัฐวิสาหกิจเพื่อให้ทำงานคล่องตัวขึ้น ก็ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว เอกชนจะว่ายังไง หรือ รัฐวิสาหกิจอื่นจะรู้สึกยังไง

ถามว่า แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ต้องบอกว่าที่ผ่านมาปัญหาของทั้ง 2 องค์กรสะสมมาอย่างยาวนาน อย่างทีโอที ก็มีปัญหาการบริหารงาน ซึ่งจะให้กระทรวงไปแก้ ก็ไม่รู้ว่าปัญหาจุดไหนที่จะแก้ได้แท้จริง ดังนั้นจึงคิดว่าทางออกในการแยกทรัพย์สินออกมาตั้งองค์กรใหม่จะช่วยให้การทำงานคล่องตัวขึ้น ส่วนปัญหาที่ยังคงอยู่กับองค์กรเก่าจะได้แก้ไขง่ายขึ้น เรื่องจะได้ไม่ผูกกันไปมา จะได้มีธงในการทำงานชัดเจน เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าทั้ง ทีโอที และ กสท จะทำอะไรแต่ละอย่างก็ติดปัญหา กฎระเบียบ ต้องระวังเรื่องการตรวจสอบจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน การลงทุนก็ต้องของบประมาณโปร่งใส เหล่านี้ หากยังปล่อยให้ทั้ง 2 องค์กรทำงานอย่างนี้ต่อไป ก็จะทำให้องค์กรตายไปเรื่อยๆ

นายพันธ์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าทีโอทีเป็นอย่างไร ตั้งแต่หมดสัญญาสัมปทาน ขณะที่กสท เอง ก็เหลือแต่คลื่น 850 MHz ที่ทำสัญญากับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นรายได้มากกว่า 50 %ซึ่งก็จะหมดภายในปี 2568 ซึ่งพนักงานที่ใกล้เกษียณคงไม่รู้สึกอะไร เพราะรายได้ยังอยู่ได้ไปจนถึงเกษียณ แต่คนรุ่นใหม่จะทำยังไง เขาจะอยู่ได้อย่างไรเมื่อสัญญาตรงนี้หมด หากสหภาพฯไม่เห็นด้วยก็ควรนำเสนอแผนการทำธุรกิจที่ทำได้จริงและมีกำไรมาเสนอ ไม่ปิดกั้นอยู่แล้ว ไม่ใช่มาบอกให้แก้ปัญหาในองค์กรให้ เพราะที่ผ่านมากว่าจะมาสรุปที่ทางเลือกนี้ คนร.ได้เสนอหลายทางเลือกแล้ว ทั้งให้ตั้งกลุ่มธุรกิจเพื่อโอนทรัพย์สิน หรือ ให้มาทำงานร่วมกัน แต่ก็ไม่คืบหน้า และทางเลือกนี้ก็ได้มีการหารือร่วมกับฝ่ายบริหารของทีโอที และ กสท แล้ว อีกทั้งยังมีดีลอยท์มานั่งเป็นที่ปรึกษาด้วย ซึ่งดีลอยท์ก็บอกเองว่าเคสการตั้งบริษัทใหม่นี้ประเทศไทยไม่ใช่ทีแรกและที่เดียวในโลกที่ทำ

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตั้งบริษัทใหม่ทั้ง 3 บริษัทแล้ว บริษัทเดิมคือ กสท และ ทีโอที ก็ต้องคิดใหม่ทำใหม่ เพื่อให้องค์กรอยู่รอด เพราะคงเหลือแค่ธุรกิจโมบายล์ให้ทำ ซึ่งหากหมดสัญญาสัมปทาน จะมีศักยภาพในการประมูลคลื่นแข่งกับเอกชนหรือไม่ ดังนั้นก็ต้องหาทางรอดด้วยการคิดนวัตกรรมใหม่ๆ และดูทรัพย์สินที่เหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน อาคาร ต่างๆ มาทำให้เกิดรายได้ 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

‘กองกำลังชาติพันธุ์’พร้อมใจแถลงการณ์ แสดงความอาลัยถวาย‘สมเด็จพระพันปีหลวง’

'ดร.เอ้'สะท้อน'การศึกษาไทย'ถึงเวลา'ปลดล็อกโรงเรียน'เป็นอิสระจากคำสั่งส่วนกลาง

ตำรวจฝรั่งเศสรวบ 2 ผู้ต้องสงสัยปล้นเครื่องเพชรพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์

อ้ายไหมไทยใจหล่อ! แจ้งเจ้าภาพเลื่อนงานได้ไม่ต้องห่วง ไม่หักมัดจำ ไม่มีบวกเพิ่ม

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved