ปัจจัยลบที่รุมเร้าตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฉุดการส่งออกไทยช่วงที่ผ่านมาติดลบ 3 ปีซ้อน โดยปี 2556 ติดลบร้อยละ 0.32 ปี 2557 การส่งออกติดลบร้อยละ 0.41 ขณะที่ปี 2558 ติดลบหนักถึง 5.78% ขณะที่หลายฝ่ายฟันธงล่วงหน้าแล้วว่า ปีนี้ส่อติดลบ 4 ปีติดกัน ยกเว้น กระทรวงพาณิชย์ ที่ประเมินในแง่บวกอาจไม่เลวร้ายอย่างที่หลายฝ่ายคาดกัน
อย่างเมื่อเร็วๆนี้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน3 สถาบัน (กกร.) อันประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยเห็นพ้องต้องกันว่าการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกในปีนี้จ่อติดลบ 0 ถึง 2% จากเดิมที่คาดการณ์อัตราการขยายตัว ที่ 0 ถึง 2% โดยอ้างอิงการส่งออกในช่วง 5 เดือนแรก ยังคงติดลบ 1.9%
หรืออย่างที่ พรเพ็ญ สดศรีชัยผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เคยคาดการณ์การส่งออกปีนี้อาจติดลบร้อยละ 2.5 หลังจากไตรมาส 2/2559 การส่งออกหดตัวร้อยละ 3 มูลค่าการส่งออกสินค้ายังคงหดตัวต่อเนื่องผลจากเศรษฐกิจคู่ค้าฟื้นตัวช้า ขณะที่ประเทศไทยมีปัญหาโครงสร้างการผลิต
ล่าสุด สภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก โดย วัลลภวิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งออก วิเคราะห์ว่า มูลค่าการส่งออกปี 2559 จะมีมูลค่าเท่ากับ 210,089 ล้านเหรียญ ถือว่าหดตัว -2%
ส่วนการส่งออกของไทยในเดือนมิ.ย.2559 มีมูลค่าการ 18,146 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว -0.08% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกในครึ่งปีแรกหดตัว -1.60%
“สถานการณ์โดยรวมในครึ่งปีแรก จะเห็นชัดเลยว่าไม่ค่อยดีนัก ทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ออกมาลบทุกตัว ยกเว้นน้ำตาลเท่านั้นที่เป็นบวก ถึงแม้ว่าภาพรวมในครึ่งปีแรก จะออกมาติดลบ แต่มองดูว่าในเดือนที่แล้วตัวที่ผลักดันมากที่สุด คือรถยนต์และทองคำ ซึ่งเชื่อว่าจากนี้จะปรับตัวดีขึ้น และคาดการส่งออกทั้งปีน่าจะหดตัวในระดับ -2%” นายวัลลภ กล่าว
โดยปัจจัยหลักที่จะส่งผลกระทบกับการส่งออก คือ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของคู่ค้าทั่วโลกที่ส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่น และทำให้ปริมาณการอุปโภคบริโภคของลูกค้าในตลาดเป้าหมายลดลง, การดำเนินการของประเทศอังกฤษ ออกจากอียู หากเข้าสู่กระบวนการตามมาตรา 50 ก่อนสิ้นปี อาจจะมีผลต่อการส่งออกของไทยได้ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่จะส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทย ซึ่งอาจจะทำให้เสียเปรียบสินค้าจากประเทศคู่แข่งมากยิ่งขึ้น
“สภาผู้ส่งออก จะมีการเข้าพบกับผู้บริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเร็วๆ นี้ เพื่อขอให้ช่วยดูแลค่าเงินไม่ให้แข็งค่า
จนเกินไป หรือไม่ควรแข็งเกินระดับ 34.05 บาท/ดอลลาร์ ทั้งนี้ สถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาในช่วงนี้ มาจากเงินทุนไหลเข้าเพื่อหวังผลตอบแทนระยะสั้น ทั้งจากตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้” รองประธานสภาผู้ส่งออก ระบุ
จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น แม้แต่กระทรวงพาณิชย์ เอง ที่เคยประกาศยืนกรานมาแต่ต้นปีว่าเป้าปีนี้จะโต 5% แต่เมื่อส่งออกเดือนมิ.ย. ลดลง 0.1% ต้องยอมรับเศรษฐกิจโลกยักษ์ใหญ่ ในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน จะฉุดการส่งออกทั้งปีพลาด ประมาณว่าบวกลบไม่เกิน 1%
ดังนั้นสถานการณ์ส่งออกช่วงนี้ นอกจากการอ้างเศรษฐกิจโลกแล้ว ไทยเองต้องปรับตัวด้วยดังที่เคยได้ยินการวิเคราะห์ของ
นักเศรษฐศาสตร์หลายท่านที่ว่า แม้ส่งออกของไทยที่มีปัญหามาจากประเทศคู่ค้ามีปัญหา แต่ปัจจัยหนึ่งคือ เรื่อง “ขีดความสามารถในการแข่งขัน” และตัวสินค้าที่ส่งออกทั้งๆ ที่สินค้าที่เราผลิตแบบเดียวกันกับประเทศอื่นๆ แต่เขาสามารถส่งออกได้ จึงต้องกลับมาดูว่าทำไมเราถึงสู้คนอื่นไม่ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี