“อภิศักดิ์”เผยไอเอ็มเอฟชมเศรษฐกิจไทยมั่นคง ดึงเงินทุนไหลเข้า แต่ยังห่วงเอกชนไม่ยอมลงทุน ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวไม่เต็มที่ คลังเตรียมออกมาตรการปลุกอีกรอบ พร้อมเร่งรัฐวิสาหกิจลงทุนโครงการขนาดใหญ่ อัดเม็ดเงินเข้าระบบ กระตุ้นเอกชนลงทุนเพิ่ม
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลังเปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้มีแนวโน้มจะขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาส 2 ที่ขยายตัวได้ 3.5% แต่พบสัญญาณอ่อนตัวในปลายไตรมาสที่ 3 ในบางกลุ่มสะท้อนจากยอดจำหน่ายปูนซีเมนต์ และยอดขายรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมาชะลอตัวลงและกลุ่มภาคเกษตรบางกลุ่มยังคงไม่ฟื้นตัวทำให้กระทรวงการคลังเตรียมที่จะออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวได้ต่อเนื่อง
“เรามีเครื่องมือเยอะ และมียาหลายประเภทที่เตรียมไว้ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลังเช็คอาการเศรษฐกิจตลอดว่าเป็นอย่างไร อย่างปีที่ผ่านมาเราเช็คว่าเกษตรมีปัญหาจากฝนแล้ง เราก็เข้าไปช่วย พบเอสเอ็มอีมีปัญหาก็เข้าไปเติมเต็ม ซึ่งตอนนี้เราเห็นว่าเศรษฐกิจเจริญเติบโตทั้งไตรมาสแรกที่ขยายตัวได้ 3.2% และไตรมาส 2 ที่ขยายตัวได้ 3.5% แต่พบว่าช่วงท้ายๆ ของไตรมาส 3 ภาคเกษตรบางกลุ่มยังอ่อนตัวซึ่งอาจจะทำให้เศรษฐกิจภาพรวมมีปัญหาเราก็ต้องไปกระตุกเศรษฐกิจขึ้นมา เพราะเวลาปล่อยให้มันหล่นลงไปจะดึงกลับมามันยากกว่า โดยรอบนี้จะเข้าไปช่วยเหลือภาคเกษตรอีกรอบแม้ว่าที่ผ่านมาจะเข้าไปช่วยเหลือแต่ก็ยังมีบางจุดที่ยังต้องเติม”นายอภิศักดิ์ กล่าว
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ล่าสุดได้หารือกับผู้บริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟโดยได้ระบุว่าภาวะเศรษฐกิจของไทยดี ถือว่าเศรษฐกิจไทยมีความมั่นคงที่สุดในโลก สำหรับประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศเกิดใหม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกทำให้มีเงินทุนไหลออก แต่ในส่วนของประเทศไทยมีเงินทุนไหลเข้า แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟได้ติงเศรษฐกิจไทยในเรื่องของการลงทุนภาคเอกชนที่ยังไม่ยอมลงทุนเพราะยังเป็นห่วงเรื่องภาวะเศรษฐกิจโลกไม่ดี ซึ่งทางกระทรวงการคลังได้ชี้แจงว่าการลงทุนภาคเอกชนของไทยยังขยายตัวได้ช้าแม้ที่ผ่านมาได้ออกมาตรการภาษีให้หักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า หากลงทุนภายในปีนี้หากกระทรวงการคลังไม่มีมาตรการดังกล่าวการลงทุนภาคเอกชนจะน้อยกว่านี้อีก
“ไอเอ็มเอฟห่วงว่าในเรื่องของการลงทุนเอกชนที่ยังช้าและยังมองว่าวงจรเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวหลังจากชะลอตัว 10 ปีแล้วนั้นมันอาจไม่ได้เป็นไปตามวงเงินนั้นก็ได้เพราะขณะนี้พบว่าบางกลุ่มของสหรัฐอาจไม่ได้ดีขึ้นตามที่คาดซึ่งจะมีในเรื่องของการลงทุนเอกชนยังมีปัญหาเพราะอาจทำให้การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยไม่ได้เต็มศักยภาพ”นายอภิศักดิ์กล่าว
รมว.คลังกล่าวอีกว่าแนวทางการดำเนินงานในปี2560 รัฐบาลจะเร่งสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจซึ่งมีมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 10 ล้านล้านบาท มีการลงทุนในโครงการใหญ่ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นให้เอกชนลงทุนซึ่งหากรัฐวิสาหกิจลงทุนมากขึ้นก็จะส่งผลให้การลงทุนในประเทศเพิ่มมากตามไปด้วย โดยจากการหารือเบื้องต้นกับรัฐวิสาหกิจต่างๆ ก็พร้อมที่จะดำเนินนโยบาย
นอกจากนี้ รมว.คลัง ยังกล่าวถึงในส่วนของมาตรการช่วยเหลือผู้ที่มาลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการของรัฐ หรือผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 8 ล้านราย โดยขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปถึงมาตรการที่จะให้ความช่วยเหลือซึ่งทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือสศค.อยู่ระหว่างดำเนินการจัดเตรียมหลักการ และยังจะต้องหารือกับสำนักงบประมาณในส่วนของแหล่งเงินที่จะใช้ดำเนินการ ซึ่งอาจจะยังไม่มีการเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาเห็นชอบในสัปดาห์หน้า
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการที่จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เบื้องต้นจะมี 2-3 มาตรการ เช่น มาตรการสวัสดิการด้านรายได้ และมาตรการดูแลความเสี่ยงให้ผู้มีรายได้น้อยมีความมั่นคงในการดำเนินชีวิต โดยได้เสนอให้รมว.คลังพิจารณาแล้ว คาดว่าอยู่ระหว่างหารือกับนายสมคิดจาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ส่วนวงเงินงบประมาณคาดว่าจะใช้งบมากกว่า 1,000 ล้านบาทในการดำเนินการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี