nn ไม่รู้ไปถึงไหน..ผลออกมาเป็นไง...ที่ผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ร่อนหนังสือไปถึง รมว.คลังให้พิจารณาทบทวนการออกกฎหมาย และประกาศกระทรวงการคลังที่เกี่ยวกับภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่พิพากษาว่า อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่ตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2546 และประกาศกระทรวงการคลังที่ให้นำภาษีสรรพสามิตหักออกจากค่าสัมปทาน ซึ่งเป็นการกีดกันผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายใหม่ ที่เอื้อประโยชน์แก่บริษัทชินคอร์ป จนเป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหายเป็นจำนวนเงิน 31,462,511,204.72 บาท…ในหนังสือ สตง. ระบุด้วยว่า จากการตรวจสอบติดตามการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ พบว่า บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
และสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ และกระทรวงการคลังยังไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯ โดยเฉพาะการเสนอเรื่องต่อ ครม.เพื่อขอยกเลิกเป็นทางการ ทำให้พระราชกำหนดทั้งสองฉบับ ประกาศกระทรวงการคลังและมติครม.ยังมีผลบังคับใช้อยู่ อาจทำให้ประเทศชาติเสียหายได้อีก…จะว่าไป..นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย สมัยรัฐบาลคมช.ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ในอดีตปี 2549-2550 ก็เคยไล่เบี้ยฟื้นฝอยหาตะเข็บที่ว่ามาอย่างถึงพริกถึงขิงแล้ว...ยิ่งในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยิ่งตีปี๊บเรื่องนี้กระหึ่มเมืองเลยทีเดียว...แต่สุดท้ายเรื่องกลับหายเข้ากลีบเมฆไป...!!เรื่องนี้รัฐบาลชุดแล้วชุดเล่าหมายมั่นปั้นมือว่าจะสามารถเรียกร้องค่าเสียหายเอาจากคู่สัญญาเอกชนได้...!! แต่ก็ให้น่าแปลกที่ว่า ไม่มีการพูดถึงเงินภาษีที่มาจากการแปลงค่าสัมปทานที่ว่าหายไปไหน? ตกอยู่ในเงื้อมมือของใคร เอกชน/หรือรัฐ และไม่มีการพูดถึงการแปลงค่าสัมปทานที่ว่านี้ว่า รัฐบาลชุดนั้นดำเนินการกับสัมปทานมือถือค่ายเอไอเอสเพียง “รายเดียว” หรือไม่? หรือดำเนินการกับทุกสัญญา???...!! ยังมีอีกหลายมุมที่เรายังไม่ได้ขบคิดกัน...!! หลังจากรัฐยุติการบังคับใช้กฎหมายที่ว่าไป ได้ก่อให้เกิดการแข่งขันเสรีหรือยัง...ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่ทั้งในและต่างประเทศตบเท้าเข้าสู่ตลาดโทรคมนาคมบ้านเราหรือยัง?...ปลายปี 2555 กสทช.เปิดประมูล 3จี บนคลื่นความถี่ 2100 MHz ...เห็นผู้เล่นรายใหม่หรือไม่?...ปลายปี’57...ประมูล 4จีบนคลื่นความถี่ 1800 และ 900 MHz ภายใต้บรรยากาศที่ไม่มีกฎหมายภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมใดๆ มาเป็นอุปสรรคกีดกัน...มีผู้เล่นรายใหม่หรือไม่?...!!
เมื่อยกเลิกภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม...ก็เข้าสู่เงื่อนไขการประมูลเพื่อออกใบอนุญาตโทรคมนาคม ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ(พ.ร.บ.กสทช.) ปี2553 และพ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม ปี2544... กสทช.จะเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาต...และค่าธรรมเนียมเข้ากองทุนวิจัย...ในอัตรารวมแล้วไม่เกิน 3-5%....!! เมื่อเปรียบเทียบกับค่าสัมปทานที่บริษัทสื่อสารเหล่านี้เคยจ่ายให้รัฐในสัดส่วน 25-30% ของรายได้ประกอบการแล้วมันแตกต่างกันไหม เมื่อเอกชนเหล่านี้เปลี่ยนมาขอใบอนุญาตประกอบการตรงจาก กสทช.....ผู้มีความรู้ความเข้าใจที่ถ่องแท้ช่วยคำนวณแล้วบอกผมด้วย...!! หากวันนี้ยังคงมีภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมอยู่...บริษัทสื่อสารต่างๆ เหล่านี้จะยังคงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมในอัตราตั้งแต่ 2-10% สำหรับโทรพื้นฐานโดยทั่วไป และ 20-50% สำหรับมือถือ คิดเป็นเม็ดเงินไม่น้อย...และที่ เลขาฯ กสทช.ออกมาบอกว่าตลาดสื่อสารโทรคมนาคมในอนาคตจะมีมูลค่า มากกว่า 500,000 ล้านบาทหลังบริษัทสื่อสารเปิดให้บริการ 4จี เต็มรูปแบบไปแล้วนั้น..ท่านผู้รู้คำนวณให้หน่อยว่า...รายได้ที่รัฐจะได้...จากค่าธรรมเนียมบนเงื่อนไขของ กสทช. กับการเรียกเก็บภาษีสรรพสามิต...แบบไหนรัฐได้ประโยชน์กว่ากัน...??
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี