ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) ได้เดินทางหารือกับ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ปัญหาค่าเงินบาทหลุดที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ สรท. ให้ข้อมูลว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 1 บาท ทำให้มูลเงินค่าหายไป 230,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ในปี 2560 ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้รายได้ของผู้ประกอบการส่งออกหายไปรวมกว่า 350,000 ล้านบาท
น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธาน สรท.กล่าวว่า ค่าเงินบาทระหว่างวัน เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2561 จะแข็งค่าหลุดระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้ประกอบการเองจะต้องปรับตัวรับให้ได้กับสถานการณ์เงินบาทแข็งค่า แม้ค่าเงินบาทอาจจะแข็งค่าไปถึง 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพราะเมื่อปี 2556 ค่าเงินบาทเคยแข็งค่าไปถึง 28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ผู้ส่งออกก็ยังมีศักยภาพการส่งออกได้ดี และที่ผ่านมาทาง ธปท.ได้รับทราบถึงความต้องการของผู้ส่งออกว่าค่าเงินที่เหมาะสมสำหรับผู้ส่งออก ควรจะอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้การเข้าหารือวันนี้ได้ข้อสรุปร่วมกัน 5 ข้อ คือ 1.ผู้ส่งออกมีความเข้าใจถึงสาเหตุที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น ว่ามาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐประมาณร้อยละ 10 และการเกินดุล
บัญชีเดินสะพัด 2. แนวโน้มค่าเงินบาทจะยังแข็งค่าขึ้นอีก เพราะการส่งออกยังขยายตัวได้ดี โดยปีนี้ส่งออกจะขยายตัวสูงถึงร้อยละ 5.5 หรือมีมูลค่า 231,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมากขึ้น
3.ธปท.แนะนำให้ผู้ประกอบการใช้เครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง โดยเฉพาะ FX Options หรือการซื้อสิทธิ์ในการล็อกเรตอัตราแลกเปลี่ยนไว้ล่วงหน้า ซึ่งสมาคมธนาคารไทยและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว.สนับสนุนให้เอสเอ็มร่วมโครงการนี้
4.สนับสนุนให้ผู้ส่งออกใช้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่าด้วยการนำเข้าวัตถุดิบสินค้าทุนและเครื่องจักร เพื่อมาลงทุนและปรับประสิทธิภาพ เสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจมากขึ้น และ 5.ให้ผู้ส่งออกหันมาใช้เงินสกุลท้องถิ่นในการค้าขายแทนเงินดอลลาร์สหรัฐ เช่น เงินหยวน เยน และยูโร เป็นต้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินไปมา
“ถ้าได้ 33 บาทเราก็ดีใจ แต่ถ้าไม่ได้เราก็ต้องดูแลตัวเอง” นางสาวกัณญภัค กล่าว
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธปท.กล่าวว่า คณะผู้บริหาร สรท.ได้หารือพร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ค่าเงินและแนวโน้มการปรับตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า โดยภาพรวมเงินบาทเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค ขณะที่ความผันผวนอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งบางช่วงเงินบาทแข็งค่าเร็วเกินควรไม่สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจ ธปท.ได้เข้าดูแล เพื่อลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการ สะท้อนจากเงิน สำรองระหว่างประเทศปี 2560 ที่ปรับสูงขึ้น โดยการดูแลที่ผ่านมาไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ไทยได้เปรียบการค้ากับต่างประเทศ หรือเพื่อฝืนทิศทางของตลาด แต่เพื่อให้เวลากับเอกชนในการปรับตัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี