นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า ในปี 2561 ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มต้นอย่างสดใส ดัชนีปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่แทบทุกตลาด ขณะที่ตลาดหุ้นไทยพุ่งขึ้นแซงจุดสูงสุดเดิมที่ 1,753.73 จุด ที่เคยไปถึงเมื่อ 4 มกราคม 2537 ก่อนวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 และทะยานขึ้นต่อเนื่องทะลุ 1,800 จุด ไปได้อย่างง่ายดายในช่วงต้นปีนี้
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีตลาดหุ้น S&P500 ทยอยปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2560 และดัชนียังปรับขึ้นต่อเนื่องโดยไม่มีการพักฐานเกินกว่า 5% มาเป็นเวลา 18 เดือน ซึ่งนับเป็น “ขาขึ้น” ของหุ้น
ที่ยาวนานที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่สภาพคล่องที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางในประเทศต่างๆ ถือเป็นปัจจัยที่น่ากังวลและส่งผลในทางลบต่อตลาดหุ้นไม่น้อย
“ความร้อนแรงของตลาดหุ้นทั่วโลก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดีและเป็นวงกว้างมากขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้ราคาสินทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตามพื้นฐานที่ดีขึ้น แต่อีกส่วนหนึ่งก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผลมาจากการอัดฉีดสภาพคล่องและนโยบายดอกเบี้ยต่ำ หรือดอกเบี้ยติดลบในหลายประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้เกิดภาวะสภาพคล่องล้นโลกและดันราคาสินทรัพย์ให้เพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างที่เห็น” นายคมศร กล่าว
โดยเราประเมินว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง ประกอบกับความเชื่อมั่นนักลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นตามการทำจุดสูงสุดใหม่ของตลาดน่าจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้ตลาดยังไปต่อได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 แต่ตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังอาจถูกกดดันจากปัจจัยด้านสภาพคล่องซึ่งน่าจะทำให้ตลาดหุ้นกลับมาผันผวนขึ้น โดยคาดว่าธนาคารกลางหลัก 3 แห่ง ของโลก คือ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ญี่ปุ่น (BoJ) และสหรัฐฯ (Fed) จะเริ่มใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นด้วยการทยอยลดการอัดฉีดสภาพคล่องส่งผลให้สภาพคล่องของโลกที่เคยเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ย 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อไตรมาสมาตั้งแต่ปี 2556 ลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง หรืออยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อไตรมาสในช่วงไตรมาส 1/2561 และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจนเหลือ 0 ในไตรมาส 4/2561 หลังจากนั้นสภาพคล่องของโลกจะเริ่มลดลงในปี 2562 หากเป็นไปตามที่เราประเมินตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะเริ่มผันผวนขึ้นในช่วงไตรมาส 3/2561
“การลงทุนในปีนี้น่าจะเป็นปีที่ยากกว่าปี 2560 ตลาดหุ้นอาจไม่ขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปีเหมือนในปีที่แล้วและตลาดอาจผันผวนมากขึ้นและมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานแรงๆ ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี เราจึงแนะนำให้นักลงทุนติดตามพอร์ตการลงทุนอย่างใกล้ชิด และหาจังหวะขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้” นายคมศร กล่าว
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายหุ้นสะสมตั้งแต่วันที่ 1-19 มกราคม 2561 สรุปโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) พบว่าสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 7,588.33 ล้านบาท บัญชีบริษักหลักทรัพย์(โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 3,304.06 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ(ต่างชาติ)ขายสุทธิ 4,820.61 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ(รายย่อย) ขายสุทธิ 6,071.77 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี