นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) กล่าวว่า การประชุมสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) ที่นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 18-20 มกราคม 2561 ที่ประชุมได้ประชุมในหัวข้อ “ความรับผิดชอบในการหาคลื่นความถี่เพิ่มเติม สำหรับร่างหลักเกณฑ์การจัดสรรคลื่นความถี่ในกิจการโทรคมนาคม(IMT) ในอนาคต โดยที่ประชุมมีมติให้จัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 27000-28000 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) สำหรับบริการ 5G ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อรองรับการใช้งานข้อมูลที่จะเพิ่มมากขึ้น
“ที่ประชุมคาดว่าปริมาณการใช้บริการข้อมูลจะเพิ่มขึ้นมากมายมหาศาล จนคลื่นความถี่ที่มีอยู่อาจจะไม่เพียงพอจึงควรเตรียมคลื่นความถี่ไว้รองรับความต้องการในอนาคต ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าคลื่นย่าน 27000-31000 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งใช้ในกิจการดาวเทียมอยู่มีความเหมาะสมจะให้นำมาเป็นคลื่นความถี่เพิ่มเติม สำหรับให้บริการ 5G หรือ 6G ซึ่งจะมีการประชุมหารือในรายละเอียดอีก 1-2 ครั้ง ก่อนจะได้ข้อสรุปและลงสัตยาบันร่วมกันในเดือน สิงหาคม 2561 นี้” นายฐากร กล่าว
ปัจจุบันไทยใช้งานคลื่นความถี่ย่าน 27000-31000 MHz สำหรับกิจการดาวเทียม ดังนั้น หากมีการทำสัตยาบันนำคลื่นย่าน 27000-28000 MHz มาใช้สำหรับบริการ 5G จะไม่กระทบต่อการใช้งานเดิม เนื่องจากเป็นการใช้งานจำนวนไม่มากในกิจการดาวเทียม และสามารถใช้งานคลื่นความถี่ซ้ำได้
ทั้งนี้ประเทศสมาชิกไอทียู 80% เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว รวมทั้งประเทศไทย สำหรับคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz และ 1800 MHz ที่ไทยจัดสรรเพื่อรองรับกิจการโทรคมนาคม ที่รวมถึงบริการ 5G ในอนาคต สามารถใช้งานควบคู่กับ บริการ 5G บนคลื่นความถี่ย่าน 27000-28000 MHz ได้ เพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้งานที่มากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี