นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว. หรือ SME Development Bank) เปิดเผยว่า ธนาคารมีแผนยกระดับสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยระดับชุมชนทั่วประเทศ หรือ “จุลเอสเอ็มอี” สอดคล้องกับ 9 มาตรการ ยกระดับเอสเอ็มอีไทยของกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเสริมมาตรการด้านสินเชื่อเพื่อต่อยอดธุรกิจเติบโตยั่งยืนโดยภาคตะวันออกมีศักยภาพที่จะยกระดับเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ในช่วงปีที่ผ่านมา ธนาคารจึงได้ลงพื้นที่พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการตัวเล็กในชุมชนท่องเที่ยวภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง
สำหรับปี 2561 นี้ ธนาคารจะขยายการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนภาคตะวันออก หรือ ELE (Eastern Local Economy) โดยเฉพาะโครงการพัฒนาผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor) ที่เชื่อมโยงตั้งแต่เกษตรกรสวนผลไม้ ผู้รวบรวมผลไม้ ผู้แปรรูป โรงงานแปรรูป ผู้ค้าปลีกค้าส่ง ผู้ส่งออก รวมทั้งห้องเย็นขนาดเล็ก(Cold Storage)ในแหล่งผลิต และเชื่อมต่อไปยังห้องเย็นขนาดใหญ่ (Public ColdStorage) ที่มีโครงการจะลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดซึ่งเป็นศูนย์กลาง EEC (Eastern Economic Corridor)
เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจผลไม้ครบวงจร ตลอดจนเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์อาหารทะเล ธนาคารได้ลงพื้นที่และศึกษาพัฒนาในพื้นที่ 5 ชุมชน 3 จังหวัด ประกอบด้วย 1.ชุมชนปากน้ำประแส จ.ระยอง 2.ชุมชนทุ่งเพล จ.จันทบุรี 3.ชุมชนเกาะกูด 4.ชุมชนเกาะช้าง และ 5.ชุมชนเกาะหมาก จ.ตราด
โดยทั้ง 5 ชุมชน รวมกัน 5,799 ครัวเรือนประชากรรวมกันทั้งสิ้น 16,300 คน เมื่อผ่านการพัฒนายกระดับชุมชน ไม่ว่าจะเป็นด้านพัฒนาสินค้าชุมชน และพัฒนาสู่แหล่งท่องเที่ยวชุมชนแล้ว คาดจะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ชุมชนไม่ต่ำกว่า 15,270 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึง ราคาค่าที่พักปรับสูงขึ้น และเกิดการซื้อสินค้าที่ระลึกมากขึ้นด้วย
ส่วนการพัฒนาในด้านอื่นๆ นั้น ธนาคารจะศึกษาว่าแต่ละชุมชนยังมีจุดอ่อนด้านใดบ้าง จากนั้นเข้าไปเสริมแกร่งให้
ตรงจุดที่ผ่านมาช่วยเหลือชุมชนยกระดับโฮมสเตย์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ในส่วนการผลิตสินค้าบางชุมชนมีสินค้าขึ้นชื่อที่มีเอกลักษณ์ตัวเอง ตลาดมีความต้องการสูง แต่มีขั้นตอนการผลิตที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน จึงเป็นข้อจำกัดด้านการตลาด เช่น ข้าวเกรียบยาหน้า ของชุมชนน้ำเชี่ยว จ.ตราด ธนาคารได้นำผู้เชี่ยวชาญเข้าไปคิดระบบรวมถึงพัฒนาเครื่องจักรช่วยการผลิตได้รวดเร็วขึ้น เป็นต้น นอกจากนั้น ช่วยยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่มาตรฐาน อย. ซึ่งจากการดำเนินการต่างๆ ที่ผ่านมา สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนมากขึ้นจากรายได้ 10,000 บาทต่อเดือน ในปี 2559 เพิ่มเป็น 20,000 บาทต่อเดือน ในปี 2560 เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวมาเยือนในชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เป้าหมายการพัฒนาชุมชนท่องเที่ยวปีนี้ค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากธนาคารต้องพัฒนาศักยภาพชุมชน ให้สามารถรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจชุมชนภาคตะวันออกให้ได้ โดยยึดหลักให้ชุมชนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและเมื่อชุมชนใด
เข้มแข็งแล้ว หากต้องการเงินทุนเพื่อต่อยอดขยายธุรกิจ ธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy Loan) วงเงิน 50,000 ล้านบาท มุ่งช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยว ท่องเที่ยวชุมชน และเกษตรแปรรูป วงเงินกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท 3 ปีแรกคิดอัตราดอกเบี้ย 3%ต่อปี ฟรีค่าธรรมเนียมบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) 4 ปีแรก เพื่อยกระดับมาตรฐานท่องเที่ยวชุมชนสามารถรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งไทยและ
ต่างประเทศได้เป็นอย่างดี”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี