13 ก.พ. 2561 นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) เปิดเผยผลการสำรวจของตนและทีมงานที่ลงพื้นที่ไปสอบถามผู้ประกอบการต่างๆ บริเวณวัดอรุณราชวราราม ท่าเตียนแถววัดโพธิ์ ท่าช้างแถวพระบรมมหาราชวัง และถนนข้าวสาร โดยสุ่มตัวอย่างพื้นที่ละ 32 ราย หรือราว 20% ของผู้ประกอบการทั้งหมดในพื้นที่นั้นๆ พบว่า
1.ที่บริเวณวัดอรุณราชวราราม ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเนื่องจาก พระปรางค์วัดอรุณเพิ่งบูรณะเสร็จ และเรือด่วนผ่าน จากแต่เดิมผ่านเฉพาะท่าเตียน และปัจจุบันไม่มีท่าเรือด่วนที่ท่าเตียนแล้ว โดยมีนักท่องเที่ยวเพิ่มจากเดิมประมาณ 4.4% โดยประมาณ รายได้จากการขายก็ดีกว่าเดิมเล็กน้อย ทั้งนี้โดยถือว่าการขายในปี 2560 เท่ากับ 100% ปีนี้เพิ่มขึ้น 0.6% อย่างไรก็ตามผู้ค้าเห็นว่าเศรษฐกิจตกต่ำลงกว่าปี 2560 จาก 100% เหลือ 98.1% และคาดว่าปี 2562 เศรษฐกิจยังจะตกต่ำลงไปอีกเหลือเพียง 97% จาก 100% ในปี 2560
2.ที่บริเวณท่าเตียนวัดโพธิ์ ซึ่งปัจจุบันไม่มีเรือด่วนผ่านแล้ว แต่ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ โดยนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1.6% ต่ำกว่าที่วัดอรุณราชวราราม ส่วนรายได้จากการขายสินค้า กลับลดลงจาก 100% ในต้นปี 2560 เหลือ 96.6% ในต้นปี 2561 ผู้ค้าประเมินภาวะเศรษฐกิจจาก 100% ณ ต้นปี 2560 เหลือ 96.4% ในปี 2561 และคาดว่าจะตกลงเหลือ 91.4% ในปี 2562
3.บริเวณท่าช้างใกล้กับพระบรมมหาราชวัง ก็เป็นอีกจุดที่มีนักท่องเที่ยวหนาตาเป็นพิเศษ ปรากฏว่าผู้ค้าเห็นว่านักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่าต้นปี 2560 ถึง 7.2% แต่รายได้ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น คือเป็นเพียง 98.1% ของรายได้ในช่วงต้นปี 2560 ในด้านภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ผู้ค้าและสามล้อประจำย่านนั้นก็มองว่า ยังตกต่ำกว่าปี 2560 คือในปีนี้เหลือเพียง 96.6% และในปี 2560 น่าจะเหลือ 93.4%
และ 4.ในบริเวณถนนข้าวสาร ซึ่งเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นเช่นกัน แต่ในสายตาของผู้ค้าและสามล้อในพื้นที่กลับมองว่านักท่องเที่ยวลดลง ผู้เข้าพักก็ลดลงกว่าแต่ก่อน เหลือเพียง 96.8% ของปี 2560 รายได้จากการขายสินค้าก็ลดลงเหลือเพียง 93.2% ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดใน 4 บริเวณนี้ ส่วนเศรษฐกิจ ผู้ค้าในย่านถนนข้าวสารประเมินไว้ต่ำสุดคือ 95.8% และคาดว่าในปี 2562 เศรษฐกิจน่าจะลงต่ออีกเล็กน้อย เหลือ 91.3%
"โดยสรุปทั้ง 4 บริเวณพบว่า นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจริง คือประมาณ 2.5% จากต้นปี 2560 แต่รายได้ลดลงเหลือ 97.2% ซึ่งแม้ไม่ได้ลดลงมาก แต่ไม่ได้เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจของชาติก็ดูตกต่ำลงจาก 100% เหลือ 96.7% เท่านั้น และที่สำคัญในปี 2562 คาดว่ายังจะลงต่อไปเหลือ 93.3%" นายโสภณ กล่าว
นายโสภณ กล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่นักท่องเที่ยวเพิ่ม แต่ขายสินค้าได้น้อยลงก็เพราะ นักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพจากยุโรปมาลดลง เนื่องจากผลของรัฐประหารส่วนหนึ่ง ลูกค้าที่มามากก็คือชาวจีนซึ่งมักมาเป็นหมู่คณะ ไม่ได้ซื้อสินค้าอะไรมากนัก มาเดินมากกว่า ลูกค้าต่างชาติที่มา ยังต่อรองราคาอย่างสุดจะน่าเกลียด เช่น สินค้าราคา 100 บาท ต่อครึ่งราคา หรือต่อเหลือ 30 บาทบ้าง โดยแม่ค้าบางรายถึงกับระบุว่าชาวพม่าที่มาทำงานในประเทศไทย แล้วแวะมาเที่ยว ยังมีกำลังซื้อมากกว่านักท่องเที่ยวเสียอีก และไม่ต่อรองราคาครึ่งต่อครึ่งเช่นนี้
นอกจากนั้น ยังอาจเป็นเพราะมีผู้ค้ามากยิ่งขึ้นอีกด้วย ผู้ค้าหลายรายโดยเฉพาะที่ถนนข้าวสารก็เจ๊งไปหลายร้าน โรงแรมก็ไม่เต็มเช่นเมื่อหลายปีก่อนรัฐประหาร โดยนัยนี้ที่ทางราชการประกาศว่านักท่องเที่ยวมาไทยมากขึ้น แต่กำลังซื้อจำกัด และคุณภาพของนักท่องเที่ยวก็ไม่เหมือนเดิม ยิ่งกว่านั้น เศรษฐกิจที่ทางราชการบอกว่าดีขึ้น แม้แต่แม่ค้าในย่านท่องเที่ยวยังเห็นว่าไม่ดี แต่ภาวะเศรษฐกิจแม่ค้าในพื้นที่ท่องเที่ยวยังดีกว่าแม่ค้าทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ภาวะเศรษฐกิจของประชาชนทั่วไป จึงตกต่ำลงกว่าแต่ก่อน
"รัฐบาลจึงควรเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้ดีด้วยการให้เบ็ดแบบประชานิยม ของรัฐบาลก่อนๆ มากกว่าการให้ปลาแจกเงินแบบประชารัฐของรัฐบาลปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนมีอิสรภาพทางการเงิน สามารถที่จะพัฒนาตนเองให้พ้นจากความยากจนได้" นายโสภณ เสนอแนะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี