ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้โดยจะขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากอัตราดอกเบี้ยโลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง เพื่อลดพฤติกรรม Search for yield โดยผลกระทบต่อ SMEs จากการขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวไม่อยู่ในระดับที่น่ากังวลนัก
จากเทรนดอกเบี้ยโลกขาขึ้น นำโดยการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปลายปี 2016 ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น มาเลเซียและเกาหลีใต้ ก็เริ่มขึ้นดอกเบี้ย เช่นกัน อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดีก็สนับสนุนมุมมองที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย3 ครั้งในปีนี้หากธปท.ไม่ขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้ต่ำกว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯถึง 0.75%
การขึ้นดอกเบี้ยของธปท. ในอนาคต ย่อมทำให้ค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยของธุรกิจต่างๆ เพิ่มขึ้นด้วยธุรกิจที่น่าห่วงมากที่สุดคงหนีไม่พ้น SMEs ซึ่ง ณ สิ้นปี 2017 มียอดคงค้างสินเชื่อทั้งสิ้น 4.86 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่อ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR)และอัตราดอกเบี้ยเงินเบิกเกินบัญชี (MOR)
ในอดีตการปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.25% จะทำให้ MRR และ MOR ปรับขึ้นประมาณ 0.13% หมายความว่าหากมีการปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นภาระดอกเบี้ยของ SMEs ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 6.24 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยคิดเป็นสัดส่วน 3.4% ของค่าใช้จ่ายดำเนินการทั้งหมด อีกทั้งกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัวจากเศรษฐกิจที่ขยายตัว ดีต่อเนื่อง หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPLs) ของ SMEs ที่ลดลงมาอยู่ที่ 4.3% ในไตรมาส 4 ที่ผ่าน สะท้อนการเริ่มฟื้นตัวของธุรกิจ SMEs จึงคาดว่าผลกระทบจากดอกเบี้ยของ SMEs ที่จะเพิ่มอาจไม่น่ากังวลมากนัก
หากมองส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไทยกับเฟด ดอกเบี้ยไทยที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยเฟด จะยิ่งสนับสนุนให้ นักลงทุนหันมาระดมทุนในไทยที่ดอกเบี้ยถูกกว่าและนำไปลงทุนต่างประเทศเพื่อหาผลตอบแทนที่สูงกว่า ทั้งการออกไปลงทุนโดยตรงและการลงทุนในสินทรัพย์ ซึ่งในปี 2016 คนไทยออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศกว่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศอีกกว่า 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม การออกไปลงทุนในต่างประเทศก็เป็นเหมือนการนำเงินออมภายในประเทศไปสนับสนุนหรือพัฒนาโครงการในต่างประเทศ ซึ่งประโยชน์ที่จะได้จากการลงทุนตั้งกิจการใหม่ ทั้งการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นและการพัฒนาของธุรกิจต้นน้ำและปลายน้ำที่เกี่ยวข้อง ก็จะไปตกอยู่กับประเทศที่นักลงทุนไทยออกไปลงทุน แต่หากเกิดขึ้นในประเทศไทย ประโยชน์ที่ได้ก็มีโอกาสกระจายไปสู่คนไทยได้มากกว่า
ขณะที่การซื้อสินทรัพย์ต่างประเทศ นอกจากจะนำเงินออมในประเทศไปให้ประเทศอื่นกู้เพื่อลงทุนแล้วยังอาจเป็นการกระตุ้นพฤติกรรมหาผลตอบแทนที่สูงกว่าหรือ Search for Yield โดยที่นักลงทุนไม่ได้พิจารณาถึงความเสี่ยงถี่ถ้วน ดังนั้นหลังจากที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวในระดับ 1.5% เป็นเวลากว่า 3 ปี ศูนย์วิเคราะห์ฯ มองว่า มีโอกาสที่จะเริ่มเห็นดอกเบี้ยกลับมาเป็นขาขึ้นในปีนี้ แต่จะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี