นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนลหรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาด “บ้านสร้างเอง” ทั่วประเทศปี 2561 คาดว่าจะมีมูลค่ารวม 1.3-1.5 แสนล้านบาท กลุ่มผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้หลักๆ ได้แก่ กลุ่มผู้รับเหมารายย่อยแลผู้รับเหมาทั่วไป กลุ่มผู้ประกอบการบ้านสำเร็จรูป กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้าน โดยกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยมีแชร์ส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด
ขณะที่กลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้าน ซึ่งมีมาตรฐานในการก่อสร้างและบริการที่ครบวงจร คาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) 14,000-15,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ส่วนกลยุทธ์การแข่งขัน คาดว่าโปรโมชั่นลดราคา ยังถูกนำมาใช้กระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคเช่นปีที่ผ่านมา รวมถึงการนำอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการใช้งานต่างๆ ภายในบ้านมาเพิ่มเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของการสร้างบ้านมากขึ้น เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง ชอบความทันสมัย คำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัย เช่น อุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้าอัตโนมัติ กล้องวงจรปิด โซลาร์ฮีตเตอร์ ระบบระบายอากาศ และอุปกรณ์สำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น
“ในยุคเศรษฐกิจ 4.0 ต้องยอมรับว่าอิทธิพลของสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียมีผลทำให้พฤติกรรมกลุ่มผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมที่นิยมรับข่าวสารและค้นหาข้อมูลจากสื่อสิ่งพิมพ์เป็นหลักแต่ปัจจุบันได้หันมาค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เนตหรือสื่อออนไลน์มากกว่า เพราะสะดวกและสามารถหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น จะเห็นว่าบรรดาผู้ประกอบการรับสร้างบ้านเองก็มีปรับตัว โดยต่างหันมาเน้นสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์ควบคู่กับการขยายสาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงและใช้บริการได้สะดวกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้นนั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากผู้บริโภคขาดการไตร่ตรองไม่รอบคอบดีพอ อาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาหลอกลวง ในลักษณะรับสร้างบ้านให้บริการได้ทั่วประเทศในราคาต่ำเกินจริง รวมถึงกลุ่มที่ใช้สื่อออนไลน์โฆษณาว่าคือ บริษัทรับสร้างบ้าน แต่ไม่มีบุคลากรและสถานประกอบการจริงๆ”
สำหรับกลุ่มพีดีเฮ้าส์ในปีนี้จะรักษาสัดส่วนการเติบโตของธุรกิจรับสร้างบ้านไว้ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 1,200 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ประมาณ 1,100 ล้านบาท ทั้งนี้ภายหลังที่ปรับลดสาขาที่บริหารได้ต่ำกว่ามาตรฐาน และย้ายสาขาหรือทำเลในบางจังหวัดที่ซ้ำซ้อนกัน ปีนี้บริษัทได้นำระบบสื่อสารและการปฏิบัติงานออนไลน์มาใช้ประสานงาน และควบคุมการก่อสร้างเพื่อให้บ้านทุกหลังมีคุณภาพและลูกค้าได้รับบริการมาตรฐานเดียวกัน
ส่วนการขยายสาขาใหม่ปีนี้จะเริ่มไตรมาส 2 เป็นต้นไป แต่ก็ยังไม่เร่งมากนัก เพื่อสอดรับกับเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่เพิ่งฟื้นตัว หรือแค่รักษาสัดส่วนสาขาที่ 29-30 สาขา จะเลือกปักธงในจังหวัดที่เศรษฐกิจขยายตัว สำหรับสาขาที่เปิดให้บริการใน
ภาคใต้ยอดขายยังเติบโต เช่น สาขาหาดใหญ่ นครศรีธรรมราช คาดว่าตัวเลขยอดขายภาคใต้คิดเป็น 20% ของยอดขาย
รวมของพีดีเฮ้าส์ทุกสาขา นอกจากนี้จะออกแบบบ้านใหม่ 16 แบบ รูปแบบสไตล์โมเดิร์น ระดับราคา 2-6 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย 180-300 กว่าตารางเมตรเพื่อจับกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี