เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2561 สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงอัตราเงินเฟ้อในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2561 พบว่าขยายตัวสูงขึ้น 0.42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักนโยบาย และยุทธศาสตร์การค้ากระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์ถือว่า ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ตามการบริโภค และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ไม่ใช่อาหารสดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลจากการขยายตัวของความต้องการสินค้าและบริการนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และภาคกลาง ขณะที่เงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วง 2 เดือนแรก(มกราคม-กุมภาพันธ์) ของปี 2561 ขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 0.56%
“การบริโภค และการจับจ่ายภาคครัวเรือนมีการขยายตัวสูงขึ้นสะท้อนจากภาวะเศรษฐกิจที่มีการปรับตัวสูงขึ้น สำหรับการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อมาจากการขึ้นราคาหมวดอาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่ม พลังงาน เคหสถาน ขนส่ง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ” นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว
อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อในต่างจังหวัดกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว จะต้องมีมาตรการกระตุ้นทั้งโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการธงฟ้า การลงทุนในโครงการต่างๆ จะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวดี
พร้อมคาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในปี 2561 คาดการณ์ว่าทั้งปีจะขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 0.7-1.7% อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP)ขยายตัวประมาณ 3.6-4.6% อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินอยู่ที่ 32-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 55-65 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
“คาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อในไตรมาสแรกของปี2561นี้เฉลี่ยจะอยู่ที่ 0.6% และในช่วงไตรมาสที่ 2 จะปรับขึ้นอีก ซึ่งปัจจัยมาจากการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลสงกรานต์เดือนเมษายนนี้ และมาจากปัจจัยการประกาศใช้อัตราค่าจ้างแรงงานใหม่ที่ปรับขึ้นทั่วประเทศ”นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว
ขณะที่ อีไอซี ซึ่งเป็น ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจของ ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยฟื้นตัวเฉลี่ยทั้งปีนี้ อยู่ที่ 1.1% YOY (เทียบปีต่อปี) โดยปัจจัยหลักที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นคือราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อน ตามข้อตกลงขยายระยะเวลาการลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงของกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC รวมถึงการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตยังคงมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อต่อเนื่องไปจนถึงช่วงครึ่งแรกของปี
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยกดดันที่ทำให้เงินเฟ้อฟื้นตัวได้ช้า ได้แก่ ราคาอาหารสดโดยเฉพาะราคาผักและผลไม้ยังมีแรงกดดันจากผลผลิตทางการเกษตรที่อาจมีปริมาณออกสู่ตลาดจำนวนมากตามแนวโน้มสภาพอากาศและปริมาณน้ำที่เอื้ออำนวยต่อการผลิต และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นซึ่งจะทำให้สินค้านำเข้ามีราคาถูกลง ทั้งนี้ เงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำเป็นความท้าทายสำคัญต่อนโยบายการเงินในระยะต่อไป โดยอีไอซีมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะคงที่ตลอดปี 2561 ที่ 1.5%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี