"บิ๊กจิน"ระบุเตรียมเสนอมาตรการกำกับดูแลเงินสกุลดิจิทัลให้กระทรวงการคลัง เตือนผู้บริโภคระวังความเสี่ยง ป้องกันตกเป็นเหยื่อ
3 มี.ค.61 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ยุติธรรม เป็นประธานในการประชุมเชิงปฏิบัติการ ในหัวข้อ "บิทคอยน์กับมาตรการในการกำกับดูแล" ซึ่งได้เชิญหัวหน้าหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ น.ส.รื่นฤดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี , พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ , นางกรรณิการ์ แสงทอง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และผู้แทนจากกระทรวงการคลัง , ตลาดหลักทรัพย์ เข้าร่วมประชุมด้วย
โดย พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า การประชุมวันนี้ จะมีการหารือถึงมาตรการกำกับและดูแลการใช้เงินสกุลดิจิทัล หลังจากที่ประเทศไทยเริ่มมีการใช้เงินสกุลดิจิทัลมากขึ้น เพื่อรับฟังความคิดเห็นก่อนกำหนดเป็นมาตรการรองรับ ไม่ให้เกิดผู้เสียหายหรือมีผู้ตกเป็นเหยื่อจากเงินสกุลดิจิทัล ซึ่งหลังจากการประชุมวันนี้จะมีการสรุปมาตรการเสนอต่อกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อพิจารณาความเร่งด่วน ในมาตรการแต่ละด้านที่จะออกมา รวมทั้งการออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้ต่อไป ทั้งนี้ ในวันอังคารที่ 6 มี.ค.นี้ ทางปลัดกระทรวงยุติธรรม จะแถลงผลสรุปมาตรการที่ประชุมวันนี้ที่จะใช้กำกับดูแลเงินสกุลดิจิทัลอีกครั้ง
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวอีกว่า สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการใช้ประโยชน์จากเงินดิจิทัลในเชิงธุรกิจนั้น มีทั้งประโยชน์และสร้างโอกาส แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความเสี่ยง ดังนั้น จึงขอให้ตรวจสอบด้วยความรอบคอบ หากยังไม่มั่นใจและอาจทำให้เสียประโยชน์ ซึ่งขอให้รอดูสถานการณ์ไปก่อน โดยขณะนี้รัฐบาลกำลังหามาตรการบริหารจัดการเงินสกุลดิจิทัล เพื่อให้ผู้บริโภคไม่ตกเป็นเหยื่อ
ด้าน ศ.พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริษัทเบเคอร์ แอนด์ แม็คเคนซี่ จำกัด กล่าวว่า กรณีสกุลเงินดิจิทัล "บิทคอยน์" ถือว่ากระทรวงยุติธรรมมีส่วนสำคัญที่ต้องมีหน้าที่ดูแล เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับความเสียหายหรือตกเป็นเหยื่อ ดังนั้น จำเป็นต้องมีส่วนร่วมเรื่องมาตรการป้องกันการถูกหลอกให้ร่วมลงทุนบิทคอยน์ในรูปแบบต่างๆ คล้ายแชร์ลูกโซ่ ซึ่งจะมีการนำข้อกฎหมายมาใช้ป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นจากบิทคอยน์ในอนาคต
"สกุลเงินบิทคอยน์ ยังมีมูลค่าแลกเปลี่ยนสูงมากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ หากไม่มีมาตรการกำกับดูแลบิทคอยน์ จะกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของผู้ทุจริต ขบวนการค้ายาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ หรืออาจมีภัยรูปแบบใหม่ เช่น การขโมยบิทคอยน์ใน E-WALLET หรือกระเป๋าเงินออนไลน์ ซึ่งในอนาคตจะกำหนดให้ผู้ใช้บิทคอยน์ ต้องรายงานสถานะ เช่นเดียวกับเงินสด หรือทองคำ และต้องมีมาตรการทางกฎหมายเอาผิดกับอาชญากรไซเบอร์เหล่านี้ เนื่องจากวันนี้ ไม่มีข้อกฎหมายใด ที่จะควบคุมดูแลสกุลเงินบิทคอยน์ได้ การใช้บิทคอยน์ไม่ต้องขออนุญาตหรือแจ้งใคร เราไม่ได้ห้ามใช้ แต่ต้องมีกฎหมายกำกับดูแล ให้ง่ายสะดวก ทันต่อเทคโนโลยี" ศ.พิเศษ กิติพงศ์ กล่าว
ศ.พิเศษ กิติพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวบทกฎหมาย ที่จะนำมาใช้ควบคุมดูแลบิทคอยน์ ยังอยู่ระหว่างหารือกันระหว่างกระทรวงยุติธรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดให้ต้องรายงานข้อมูล การป้องกันและปราบปรามการทุจริต รวมไปถึงการจัดตั้งตลาดบิทคอยน์ในอนาคต เพื่อให้การกำกับดูแลทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งต้องมีตัวบทกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง
ขณะที่ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวถึงสถานการณ์เงินดิจิทัลและ Bitcoin กล่าวว่า ปัญหาการติดตามดำเนินคดีผู้กระทำผิดเกี่ยวเนื่องบิทคอยน์นั้น ต่อไปกระบวนการหาหลักฐานเอกสารไม่ได้อยู่ที่แบงค์แต่กลายสภาพอยู่ในอากาศ หรือเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในกฎหมาย ดังนั้น เชื่อว่าพรบ.ไซเบอร์ความมั่นคงแห่งชาติ น่าจะเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญมากในอนาคตที่จะเข้ามาทำหน้าที่ดูแลครอบคลุมสิ่งเหล่านี้ โดยต้องการคนรู้จริงจำนวนน้อย ไม่ใช่คนรู้น้อยจำนวนมากให้มาช่วยกันระดมหาแนวทางใหม่ป้องกันการกระทำความผิดดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ นายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด ให้ข้อมูลว่าทางการสหรัฐอเมริกาพยายามจะติดตามพ่อค้ายาเสพติดรายหนึ่งที่ใช้บิทคอยน์ในการทำทรานแซคชั่น ซึ่งตนได้ให้คำแนะนำไปว่ามีทางเดียวคือ ตรวจสอบว่าพ่อค้ายาคนดังกล่าวทำการทรานแซคชั่นในวันไหน ช่วงเวลาใด ก็ให้เข้าไปยึดอุปกรณ์ เพราะถ้าพวกนี้ปิดระบบก็จบติดตามไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในอนาคตจะก้าวไปสู่การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ดังนั้น หน่วยงานที่มีหน้าที่ปราบปรามและกำกับดูแลของไทยจะต้องมีขีดความสามารถประสานงานความร่วมมือ และขอข้อมูลได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีระดับโลกแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี