ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (REPORT ON BUSINESS SENTIMENT
INDEX) เดือนกุมภาพันธ์ 2561 ลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อยจากผู้ประกอบการในภาคที่มิใช่การผลิต โดยเฉพาะในกลุ่มการค้าและกลุ่มก่อสร้าง ที่ความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ และด้านการผลิตลดลงตามกำลังซื้อภาคเอกชนที่ยังไม่เข้มแข็ง ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นยังคงอยู่เหนือระดับ 50 สูงสุดในรอบ 5 ปี สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของธุรกิจต่อการขยายตัวเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น
โดยเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ดัชนีฯ ปรับลดลงเล็กน้อยจาก 52.1 ในเดือนก่อน มาอยู่ที่ 51.8 โดยปรับลดลงจากองค์ประกอบด้านผลประกอบการและด้านการผลิตเป็นสำคัญโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการในภาคที่มิใช่การผลิตเช่น ภาคการค้าที่มีความเชื่อมั่นด้านปริมาณการค้าลดลงตามกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่เข้มแข็งนักและภาคก่อสร้างที่มีความเชื่อมั่นด้านปริมาณการก่อสร้างลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลจากที่ยังไม่เห็นโครงการก่อสร้างของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นมากเท่าที่ควร ในขณะที่ผู้ประกอบการในภาคการผลิตมีความเชื่อมั่นปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อน อาทิ ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ผู้ผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ และผู้ผลิตสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย เป็นต้น จากความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อที่ปรับดีขึ้นโดยเฉพาะคำสั่งซื้อจากต่างประเทศตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 57.3 สูงสุดในรอบ 5 ปี สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่มีต่อการขยายตัวเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะองค์ประกอบด้านคำสั่งซื้อ การผลิต และการจ้างงานที่คาดว่าจะปรับดีขึ้นสอดคล้องกับ แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
สำหรับภาคการผลิต ความเชื่อมั่นทางธุรกิจ 3 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และการผลิตสิ่งทอและเครื่องแต่งกายขณะที่ผู้ประกอบการภาคที่มิใช่การผลิตมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในกลุ่มคลังสินค้าและกิจกรรมขนส่ง เป็นต้น
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นด้านอื่นๆ เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นด้านต้นทุนปรับลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อยทั้งในภาคการผลิตและภาคที่มิใช่การผลิต เช่นเดียวกับข้อจำกัดด้านต้นทุนการผลิตสูงที่ยังคงเป็นข้อจำกัดสำคัญอันดับ 1 ของผู้ประกอบการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 สะท้อนความกังวลด้านต้นทุนที่สูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน รวมถึงแรงกดดันจากการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขณะเดียวกันการคาดการณ์เงินเฟ้อในอีก 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 2.1% ลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย สอดคล้องกับผู้ประกอบการจำนวนมากขึ้นที่เห็นว่าการปรับราคาสินค้าทำได้ยาก และดัชนีความเชื่อมั่นด้านราคาขายที่ปรับลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อยแม้จะยังอยู่เหนือระดับ 50 สะท้อนถึงความสามารถในการปรับราคาของผู้ประกอบการที่ยังมีจำกัด
ทั้งนี้บริษัทผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ถูกสุ่มตัวอย่างจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยครอบคลุมบริษัทในภาคการผลิต ภาคการค้า และภาคบริการ ทั้งขนาดย่อม ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ที่มีทุนจดทะเบียนน้อยกว่า 50 ล้านบาท ตั้งแต่ 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 200 ล้านบาท และมากกว่า 200 ล้านบาท ตามลำดับ โดยสัดส่วนของกลุ่มตัวอย่างในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และต่างจังหวัดอยู่ที่ 83:17 ซึ่งมีอัตราการตอบแบบกลับ (response rate) ระหว่างเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และต่างจังหวัด อยู่ที่ 80:20 ขณะที่การตอบแบบสำรวจกลับในภาพรวมอยู่ที่ประมาณ 60% ของแบบสอบถามที่ส่งออก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี