กสทช.อุทธรณ์สู้‘เจ๊ติ๋ม’
บี้ทวงเงิน‘ไทยทีวี’
เอกชนรับอานิสงส์
ชะลอจ่ายค่าสัญญา
บอร์ดกสทช. มีมติยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองคดีไทยทีวี ยันดำเนินการเปลี่ยนผ่านทีวีระบบอนาล็อกมาเป็นระบบดิจิทัลถูกต้อง โวทำได้เร็วกว่ากำหนด 5 ปี “นที” โต้เจ้ติ๋มทำธุรกิจกอสซิบดารา แต่ประมูลได้ช่องเด็ก ธุรกิจไม่สอดคล้องกัน ยันให้โอกาสทุกราย ด้านวิษณุชี้เป็นกรณีศึกษาให้กสทช.พิจารณาว่าถ้ามีคนขอยกเลิกใบอนุญาตต้องปฎิบัติอย่างไร ระบุชะลอจ่ายค่าสัญญาจนกว่าศาลตัดสิน
หลังศาลปกครองกลางพิพากษาให้นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ ติ๋ม ทีวีพูล เจ้าของบริษัท ไทยทีวี จำกัด ชนะคดีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยเห็นว่า กสทช.ไม่ได้ปฎิบัติตามสัญญาในการขยายโครงข่ายและการส่งเสริมกิจการทีวีดิจิทับตามที่ระบุในหนังสือชี้ชวนผู้ประกอบการ ดังนั้น บริษัท ไทยทีวีฯจึงมีสิทธิ์บอกเลิกใบอนุญาตประกอบกิจการได้ พร้อมให้คืนเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาต หนังสือค้ำประกันค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแทนบริษัทไทยทีวีเป็นเงิน 1,748,808,000 บาทภายใน 60 วันนั้น
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประชุมในประเด็นดังกล่าว เพื่อกำหนดท่าทีดำเนินการขั้นตอนต่อไป
หลังประชุม พ.อ.นที สุกลรัตน์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แถลงว่า กสทช.น้อมรับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง แต่การประชุมร่วมกันวันนี้ มีข้อวินิจฉัยบางส่วน ที่ กสทช.เห็นแย้ง และจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ภายใน 30 วัน ใน 3 ประเด็นคือ
1.การวินิจฉัยว่า การดำเนินการระหว่างบ.ไทยทีวี กับ กสทช. เป็นลักษณะการออกใบอนุญาตเป็นแบบ”เข้าร่วมการงาน” ซึ่งรูปแบบนี้ คล้ายกับการสัมปทาน แต่การดำเนินการของ กสทช. ไม่ใช่การให้สัมปทาน แต่เป็นรูปแบบระบบใบอนุญาต ซึ่งกสทช.อนุญาตให้ใช้ทรัพยากรคลื่นความถี่ ตามหลักใหญ่แล้ว กสทช. ไม่มีหน้าที่ให้บริการช่องรายการ แต่เป็นองค์กรที่กำกับดูแล จัดสรรให้ผู้รับใบอนุญาต ดำเนินการตามแผนงานยุทธศาสตร์ที่กำหนด
2.การวินิจฉัยว่า กสทช. ไม่ทำตามแผนแม่บทการเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิทัล ประเด็นนี้มีความคลาดเคลื่อน เนื่องจาก การขยายโครงข่ายทีวีดิจิทัล ก่อนเข้ามาสู่การเปลี่ยนผ่าน กสทช.ได้ขยายโครงข่ายไปกว่า 50% ในปีที่ 3 ขยายโครงข่าย 90% ของจำนวนประชากร และในปีที่ผ่านมา ขยายโครงข่ายครอบคลุมแล้วกว่า 95% ของจำนวนประชากร โดยกสทช.มีหลักฐานชัดเจนว่า การขยายโครงข่ายเป็นไปตามกำหนด และทำตามอำนาจหน้าที่
และประเด็นที่ 3 เงินที่ผู้ประกอบการชนะประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัล ตามหลักแล้วต้องชำระค่าใบอนุญาตทั้งก้อน แต่ที่ผ่านมา กสทช.เห็นว่า การแบ่งชำระเป็นงวดๆ ก็พื่อบรรเทาและอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบกิจการในช่วงเริ่มต้นประกอบกิจการ
“กสทช. กำกับการขยายโครงข่ายให้เป็นไปตามกำหนดทุกประการ ถ้าไม่ขยายโครงข่าย จะทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลล้มเหลวทุกราย ส่วนที่ว่ากรมประชาสัมพันธ์ล่าช้าไม่สามารถดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์โครงข่าย ความจริงกรมประชาฯไม่ได้ให้บริการโครงข่ายกับผู้ประกอบการรายใดเลย และเมื่อติดตั้งล่าช้าก็ได้ลงโทษทางปกครองไปแล้ว สำหรับการแจกคูปองแลกกล่องทีวีดิจิทัลก็ดำเนินการครบหมดแล้ว”พ.อ.นทีกล่าว และยืนยันว่า การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบทีวีดิจิทัลนั้น เป็นไปตามกฏหมาย และเป็นแนวนโยบายของประเทศ ซึ่งแผนการยุติระบบอนาล็อคที่ กสทช.กำหนดไว้คาดว่าจะยุติภายในปี 2566 ซึ่งในปี 2561 นี้ ผู้ประกอบการทีวีรายเดิมได้ยุติระบบอนาล็อคเกือบหมดแล้ว ซึ่งเร็วกว่าเดิม 5 ปี ยกเว้นช่องที่ยังติดอยู่ในระบบสัญญาสัมปทานในปี 2563
พ.อ.นที ยังยืนยันว่าการทำงานของกสทช. ในการเปลี่ยนผ่านทีวีระบบอนาล็อคมาเป็นระบบดิจิตอล ทำมาอย่างถูกต้อง ได้ศึกษามาแล้วอย่างดี ซึ่งผู้ประกอบการที่เข้ามาก็ต้องศึกษาข้อมูลเองด้วย การเข้ามาก็ต้องปรับตัวต่อสู้ให้ระบบการแข่งขัน ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนับว่าประเทศไทยเปลี่ยนผ่านได้สำเร็จได้เร็ว หากเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยดูจากทีวีดิจิตอลรายใหม่เข้ามาแบ่งส่วนแบ่งตลาดถึง 58% แล้วในปัจจุบัน
พ.อ.นที กล่าวด้วยว่าการคัดเลือกผู้ประกอบการเข้ามาร่วมประมูลตั้งแต่เริ่ม เรากำหนดให้วางเงินประกัน และเป็นการวางเงินประกันที่สูง ซึ่งถือเป็นการคัดเลือกผู้ประกอบการแล้ว แต่บริษัท ไทยทีวี เป็นผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับกอสซิบกลับประมูลได้ช่องเด็กและช่องข่าว ซึ่งไม่สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ ถ้าผู้ประกอบการมีประสิทธิภาพเหมือนกันก็จะไม่มีใครล้มหายตายจาก กสทช.ให้โอกาสกับทุกคน แต่ทุกคนที่ได้รับโอกาสก็มีบางรายที่ไม่ประสบความสำเร็จ ที่สำคัญอยู่ที่ผู้ประกอบการ เพราะการลงทุนจำเป็นต้องใช้ทุนใหญ่ บางรายลงทุนกว่าจะได้กำไรก็ราว 3-4 ปี
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายให้สัมภาษณ์ในกรณีนี้จะถือเป็นบรรทัดฐานให้ทีวีดิจิทัลอื่นดำเนินการตามหรือไม่ว่า ตนไม่ทราบ แต่เรื่องนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้ฝ่ายรัฐ โดยเฉพาะกสทช.ว่า ถ้ามีคนมาขอยกเลิกสัญญาหรือขอถอนตัวออกไปต้องปฏิบัติอย่างไร
ส่วนกรณีที่กสทช.จะยื่นอุทธรณ์ใน 30 วัน ขณะที่ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลจะต้องจ่ายเงินงวดถัดไปในเดือนพฤษภาคมนี้นั้น รองนายกฯกล่าวว่า ถ้ามีการอุทธรณ์ไปที่ศาลปกครองสูงสุด ทุกอย่างก็ต้องหยุดรอ ยังไม่ต้องจ่าย จนกว่าศาลจะมีคำตัดสิน แต่ส่วนเรื่องการบังคับคดีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สำหรับการเชิญตัวแทนผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลมาหารือวันที่ 15 มีนาคมนั้น เป็นการหารือแนวทางช่วยเหลือ ที่ผู้ประกอบการเรียกร้องขอมา ส่วนจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนหรือไม่ ยังไม่สามารถบอกได้ เพราะจากนั้นต้องไปคุยกับนายกฯด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี