นายวรัทภพ แพทยานันท์ ประธานคณะกรรมการจัดงาน“มหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่ 38” เปิดเผยว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2561 ประเมินว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากแรงหนุนของเศรษฐกิจไทยที่เริ่มขยายตัวได้ดีขึ้น โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 2561 จะเติบโตได้ 4% และส่งผลต่อกำลังซื้อของประชาชนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยมีมากขึ้น
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงปัจจัยบวกด้านอื่นๆ เช่น การลงทุนต่อเนื่องของภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่โดยเฉพาะการลงทุนโครงการรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ สายสีส้ม,สายสีเหลือง และสายสีชมพู ประกอบกับมีการลงทุนขยายโครงข่ายการคมนาคมอื่นๆ เช่น ทางด่วนขั้นที่ 3 เชื่อมวงแหวน รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟฟ้าทางคู่ มอเตอร์เวย์ และการเตรียมพัฒนาโครงการอื่นๆ ที่เป็น Action Plan และการพัฒนาพื้นที่ในระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงยังมีปัจจัยด้านการท่องเที่ยว การส่งออก และการลงทุนของภาคเอกชนที่มีการเติบโตขึ้นในช่วงนี้ที่เป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์
ในขณะที่ธนาคารก็เริ่มกลับมาผ่อนปรนมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อลง ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับผู้บริโภคที่ต้องการซื้อบ้านมากขึ้น และอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังอยู่ไนระดับที่ต่ำ และมีการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารมากขึ้น ทำให้เปิดโอกาสกับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยและต้องการใช้สินเชื่อเข้าถึงได้มากขึ้น
สำหรับงาน “มหกรรมบ้านและคอนโดฯครั้งที่ 38”ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 2561 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 1 แสนคน พร้อมกันนี้คาดว่าจะมียอดจองและขายในงานกว่า 4,000 ล้านบาท และมียอดขายต่อเนื่องหลังงานไม่น้อยกว่า 2 เท่า โดยในครั้งนี้จะเห็นการนำโครงการใหม่ๆของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มาเสนอมากขึ้น ซึ่งเป็นโครงการใหม่ในหลากหลายทำเล ส่วนราคาขายก็เป็นราคาเปิดตัวในงานหลายโครงการ โดยแตกต่างจากครั้งที่ผ่านมาที่ผู้ประกอบการจะเน้นการนำสต๊อกมาเสนอขายและในครั้งนี้มีจำนวนผู้ประกอบการเข้าร่วมงานเกือบ 200 ราย นำโครงการมาเสนอขายกว่า 1,000 โครงการ
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 ยังคงเติบโตได้ แม้จะถูกกดดันจากอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ และหนี้ครัวเรือนจะยังสูง แต่มีแนวโน้มที่ลดลงจากปี 2560 เพราะธนาคารเริ่มผ่อนคลายเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น โดยจะเห็นธนาคารขนาดกลางและเล็กมีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น แต่จะมีการพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นรายโครงการ
ส่วนกำลังซื้อของประชาชนปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มคนอายุ 30-40 ปี ซึ่งยังมีกำลังซื้อที่ดีอีกทั้งยังได้กำลังซื้อจากลูกค้าชาวต่างชาติ ที่ซื้อเพื่อเป็นการซื้อลงทุนและอยู่อาศัย เช่น ชาวจีนและญี่ปุ่น จึงเป็นปัจจัยเสริมที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญและเริ่มมีบทบาทมากขึ้นต่อการขายที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการในปัจจุบัน
สำหรับผู้ประกอบการนั้น ยังมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลายระดับ และลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม แม้ต้นทุนราคาที่ดินจะปรับสูงขึ้นมากแต่ได้พัฒนาห้องชุดที่มีขนาดเล็กลง เพื่อขายในราคาที่ลูกค้าสามารถซื้อได้ โดยปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังเป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่ 29 รายแรกที่ครองส่วนแบ่งตลาดรวมกันสูงถึง 80% ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็ก ต้องปรับตัวเพื่อไม่ทำตลาดแข่งกับรายใหญ่โดยตรง เช่น การลงทุนพัฒนาบ้านหรูกลางเมืองราค 20-50 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนยูนิตน้อย แต่อย่างไรก็ตามฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ของตลาดยังคงเป็นกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ ราคา 2-3 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม ราคา 1 แสนบาท/ตารางเมตร ที่ยังมีความต้องการในตลาดสูงอยู่ในปัจจุบัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี