นายศักดา เกตุแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บาทฟินเทค เปิดเผยแผนการระดมทุนของบริษัทว่า จะมีการระดมทุนด้วยการใช้ ICO( Initial coin offering) ด้วยการออกเหรียญสกุลเงินดิจิทัลจำนวน 300 ล้านเหรียญ ในมูลค่าเริ่มต้นที่ 3 บาทต่อ 1 เหรียญ จะมีการเปิดซื้อขายเหรียญในรอบพรีเซล 30 มีนาคม 2561 นี้ และขายผ่านตลาดเสรีตั้งแต่ 30 เมษายนเป็นต้นไป โดยจะใช้ผู้ตรวจสอบ หรือ Auditor ที่ดูแลการเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้จัดการซื้อขายครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้มาตรฐานการ ICO ของบริษัทเทียบเท่ากับการระดมทุนในตลาดปกติ คาดว่าภายใน 3 เดือนจะสามารถระดมทุนได้ตามที่บริษัทตั้งเป้าหมาย ซึ่งเงินลงทุน ICO ครั้งนี้จะนำมาเป็นเงินหมุนเวียนผ่านระบบไทยบาทดิจิทัลทั้งหมด
“เป้าหมายหลักของธุรกิจนี้คือ การเชื่อมโยงธุรกิจเข้ากับระบบการเงินสมัยใหม่ให้มีความปลอดภัย และเชื่อถือได้ โดยตัวบริษัทเองแม้จะระดมทุนด้วยเงินคริปโต แต่สุดท้ายแล้วบริษัท บาทฟินเทค ก็จะเข้าสู่ระบบการเงินปกติด้วยการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย”
นายศักดา กล่าวว่า จากยอดการเติบโตของธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะการค้าขายออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ซในประเทศไทย ที่มีสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการหลอกลวง บริษัทได้คิดค้นระบบเงินดิจิทัลที่ปกป้องการซื้อขายออนไลน์ให้มีความปลอดภัยขึ้นมา โดย ระบบของบริษัท จะทำให้ผู้ซื้อผู้ขายได้ใช้จ่ายผ่าน “ไทยบาทดิจิทัล” เมื่อผู้ซื้อโอนเงินไปที่ผู้ขายผ่านระบบกระเป๋าเงินดิจิทัล ระบบเงินจะถูกลด-เพิ่มจากบัญชี โดยบัญชีผู้ซื้อจะถูกตัด และขึ้นสถานะรอการยืนยันที่บัญชีผู้ขาย เช่นเดียวกับระบบเช็ครอการเคลียริ่ง เมื่อผู้ซื้อได้รับสินค้าตรงตามที่ตกลงกับผู้ขาย เงินไทยบาทดิจิทัลจะเข้าบัญชีผู้ขายโดยสมบูรณ์ แต่ถ้าเกิดข้อผิดพลาดทำให้การซื้อขายไม่สมบูรณ์ ระบบก็จะทำการคืนเงินให้กับผู้ซื้อโดยอัตโนมัติ
ระบบไทยบาทดิจิทัล ได้นำเทคโนโลยี Blockchain ที่กำลังได้รับความนิยมมาเป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบทั้งหมด ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วมีต้นทุนต่ำ ปลอดภัยสูง และมีประสิทธิภาพอย่างมาก ซึ่งขณะนี้ได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการเงินระดับโลกจะนำมาใช้ในธุรกิจของตนเองแล้ว อย่าง Paypal, JPMorgan เป็นต้น
นายจักกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการขายและการตลาดบริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท หรือ แอดไวซ์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาแอดไวซ์ขายสินค้าไอทีผ่าน “Advice Online” และได้สร้างหมวดสินค้าไอทีในการขายผ่านอีคอมเมิร์ซมากที่สุดในไทย การเป็นพันธมิตรกับ บาทฟินเทค ที่เข้ามาช่วยเรื่องระบบการชำระเงินสำหรับการสั่งซื้อสินค้า ถือเป็นครั้งแรกที่จะนำเงินคริปโตเคอเรนซี่มาใช้ในการซื้อขายสินค้าจริงในไทย เป็นการอำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยในการซื้อสินค้าและรองรับการใช้สกุลเงินดิจิทัลไปพร้อมกัน
มีรายงานแจ้งว่า ก่อนหน้านี้บริษัท เจ แวนเจอร์ส ในเครือบริษัทเจมาร์ท ได้ออก”เจฟินคอยน์” พบว่านักลงทุนสนใจซื้อคึกคัก แม้ว่าก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เตือนว่าการลงทุนมีความเสี่ยงสูง
โดยนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง อธิบายว่า เงินดิจิทัล เปรียบเสมือนสินค้าชนิดหนึ่งเพื่อนำมาแลกเปลี่ยนกันเหมือนกับการแลกเปลี่ยน หอย พุด ด้วง ยุคโบราณ แต่เงินดิจิทัลคิดขึ้นมาในยุคนี้เพื่อใช้ตกลงแลกเปลี่ยนกันเองผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนต ซึ่งนักลงทุนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี