ดีแทคผวาฮัลโหล1800-850MHzสิ้นอายุ เร่งสรุปดีล กสทฯทำสัญญาเช่าเสาอุปกรณ์
20 มี.ค.61 นายราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกิจการองค์กรและพัฒนาธุรกิจ บริษัท โทเทิ่ลแอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค เปิดเผยว่า ดีแทคอยู่ระหว่างสรุปผลการเจรจากับคู่สัญญาสัมปทานระหว่าง ดีแทค และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT บนคลื่นความถี่ย่าน 850 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) และ 1800 MHz ที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในวันที่ 15 กันยายน 2561นี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่การเจรจาระหว่างกันในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทกับเอกชน เพื่อให้บริหารจัดการทรัพย์สินตามสัญญาสัมปทานให้เกิดประโยชน์สูงสุดของ กสทฯ ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกสทฯกับดีแทคในรูปแบบการการร่วมลงทุน หรือจอยซ์ เวนเจอร์ หรือเจวี ที่ทำความตกลงร่วมกัน
โดยดีแทคจะโอนกรรมสิทธิ์ในเสาและอุปกรร์ที่พิพาทให้แก่ กสทฯ เพื่อระงับข้อพิพาทต่างๆนั้น ไม่มีความคืบหน้ามาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 3 ปี และไม่สามารถทำได้เนื่องจากขัดรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 56 ที่ระบุว่า รัฐต้องจัดหรือดำเนินการให้มีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึงตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยโครงสร้างหรือโครงข่ายขั้นพื้นฐานของกิจการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐ จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนหรือเพื่อความมั่งคงของรัฐ รัฐต้องเป็นเข้าของหรือถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50%
ทั้งนี้ ทำให้ได้ผลสรุปว่าจะเป็นการตกลงร่วมกันจะเป็นลักษณะรูปแบบสัญญาการเช่าเสาและอุปกรณ์โทรคมนาคม ที่กสทฯ จะได้รับมอบตามสัญญาสัมปทานสร้าง โอน บริการ (BTO) เป็นทรัพย์สิน โดยมีจำนวนเสาที่จะส่งมอบให้กสทฯ จำนวน 9,000 ต้น และระบบส่งสัญญาณทรานสมิทชั่น ซึ่งคาดว่าจะทำสัญญาได้ภายในเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นการเจรจาดังกล่าวจะเป็นการทำสัญญาเช่าในระยะยาวในการใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิม โดยจะต้องเป็นการทำสัญญาใหม่หลังสิ้นสัมปทาน ขณะเดียวกันการใช้คลื่นความถี่ จะเข้าสู่กระบวนการตามประกาศ กสทช.เรื่องการเยียวยาผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่นความถี่ 1800 MHz และ 850 MHz ซึ่งหลังสิ้นสุดสัญญาจะดีแทคจะสามารถให้บริการแก่ผู้ใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง และยังถือครองคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz จำนวน 45 MHz และ 850 MHz จำนวน 10 MMz ออกไป จนกว่าจะมีการเปิดประมูลคลื่นดังกล่าว
นายราจีฟ กล่าวต่อว่า ไม่ได้รู้สึกว่าดีแทคอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ เพราะบางอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุม บริษัทก็ทำเท่าที่สามารถทำได้ เช่น การเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ ส่วนเรื่องคลื่นความถี่มั่นใจว่าได้คลื่นความถี่มาให้บริการแน่นอน แต่ไม่ทราบว่าจะเป็นคลื่นความถี่ใด เนื่องจาก กสทช.ยังไม่มีโรดแมฟที่ชัดเจน
ส่วนกรณีบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ขอยืดเวลาการชำระค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 MHz งวดที่ 4 นั้น ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ดีที่ชี้ให้เห็นถึงปัญหามาจากราคาคลื่นความถี่ โดยราคาคลื่นความถี่ของไทยสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมสูงเกินไป ดังนั้นมองว่าหากมีการยืดการชำระค่างวดดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับรายอื่นก็ควรต้องนำมากำหนดในหลักเกณฑ์การประมูลคลื่นความถี่ในครั้งต่อๆ ไปด้วย
“ถ้ารู้ว่าจะมีการยืดระยะเวลาชำระเงิน และดีแทคจะสู้ราคาต่อหรือไม่ เป็นสิ่งที่ตอบได้ยาก เพราะการจะประมูลคลื่นความถี่ในราคาเท่าไหร่มีปัจจัยอื่นๆ ที่จะต้องนำมาพิจารณาอีก แต่ที่แน่ๆ คือ ราคาคลื่นความถี่ที่แพงเกินไปไม่ดีต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมแน่นอน และส่งผลไปยังผู้ใช้บริการ ขณะที่คลื่นความถี่เป็นสิ่งที่จำเป็นดังนั้นต้องมีคลื่นความถี่ที่เพียงพอ แต่ราคาคลื่นความถี่แพง ถือเป็นอุปสรรค” นายราจีฟ กล่าว
ทั้งนี้ ดีแทคจะเข้าร่วมประมูลคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ต้องรอดูประกาศหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน เนื่องจากมีหลายปัจจัยไม่ใช่เรื่องของราคาอย่างเดียว ขณะที่ปัจจุบันยังมีคลื่นความถี่อีกมาก แต่ยังไม่ทราบว่า กสทช.จะนำมาประมูลเมื่อใด แต่เชื่อว่ารัฐจะต้องนำคลื่นความถี่ออกมาประมูล เนื่องจากคลื่นความถี่เป็นทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
อย่างไรก็ตาม การที่ดีแทคจะกลับมามีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) อันดับ 2 มองว่าลูกค้าไม่ได้สนใจเรื่องอันดับของผู้ให้บริการ แต่สนใจในเรื่องบริการและการพัฒนาโครงข่ายที่ได้รับมากกว่า ส่วนผู้ถือหุ้นก็ให้สนใจกับเรื่องผลประกอบการที่จะให้ผลตอบแทนมากกว่ามาร์เก็ตแชร์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี