21 มี.ค.61 ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) โพสต์เฟชบุ๊กส่วนตัว ในหัวข้อเรื่อง "ใช้ ม.44 อุ้มสองยักษ์มือถือ หรือคอร์รัปชันจะย้อนรอยเดิม" โดยระบุว่า รัฐบาล และ คสช.กำลังจะใช้ ม.44 เปิดทางให้บริษัท ทรู และ เอไอเอส ยืดเวลาชำระเงินค่าสัมปทานคลื่น โทรศัพท์ 4 จี ที่ต้องจ่ายให้รัฐ มูลค่า 5.9 หมื่นล้านบาท ไปเป็นการผ่อนส่งนาน 5 ปี แต่จากศึกษาติดตามดูผมยังเห็นว่า ไม่มีเหตุจำเป็นใดเลยที่รัฐต้องยอมเอาประโยชน์ของคนไทยไปช่วยเหลือบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสอง มีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติเสียอีก ด้วยเหตุผลสำคัญนี้
1.ชัดเจนว่า บริษัทมือถือทั้งสองรายมีกำไรมาตลอด (ดูภาพประกอบ) และไม่มีอะไรที่ส่อว่าธุรกิจนี้กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติ
2.เอกชนรายใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่เด็กอมมือที่จะซี้ซั้วเข้าประมูลคลื่น 4 จี ทุกรายต่างสมัครใจและต้องเตรียมการศึกษาวางแผนเป็นอย่างดีถึงผลดีผลเสียและโอกาสทางธุรกิจที่ตนจะได้รับ การระดมทุน ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี่และพฤติกรรมผู้บริโภค ดังนั้นการหาเหตุอ้างในภายหลังเพื่อขอลดค่าใช้จ่ายลดต้นทุน เพิ่มกำไรให้ตนเอง จึงเป็นเรื่องรับฟังไม่ขึ้น
3.การที่เอกชนสองรายได้เงื่อนไขพิเศษ จะทำให้พวกเขามีความได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้าหรืออีกนัยหนึ่งเท่ากับลดโอกาสในการแข่งขันของผู้ประกอบการอื่นอย่าง ดีแทค หรือรายอื่นๆ ที่ต้องการเข้ามาให้บริการประชาชนในอนาคต จนเกิดการผูกขาดขึ้นได้
4.แม้มีการคิดดอกเบี้ยผ่อนชำระค่าสัมปทาน แต่อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดก็ต่ำเกินไป จนอาจทำให้รัฐต้องเสียรายได้ไปมากถึง 3 หมื่นล้านบาท (สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์,19/3/61)
5.การยอมให้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัมปทานในลักษณะการให้โอกาสพิเศษแก่เอกชนบางราย ที่ขัดต่อหลักนิติรัฐ (Rule of Laws) จะทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะยาว
6.การที่ กสทช.ในฐานะผู้กำกับดูแล (Regulator) กิจการโทรคมนาคม เป็นผู้เดินเรื่องจนทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกันโดยตรง จะนำไปสู่การฟ้องร้องของผู้เกี่ยวข้องทำให้รัฐต้องชดใช้ได้
ยังมีการตั้งข้อสังเกตอีกว่า การที่บริษัททรู มีกำไรด้อยกว่าผู้ประกอบธุรกิจสื่อสารรายอื่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะที่ผ่านมาธุรกิจบริการ "โทรศัพท์บ้าน" ที่ตนได้สัมปทานมาให้ผลตอบแทนไม่ดี และในการประมูลคลื่น 4 จี เขาเป็นรายเดียวที่ชนะการประมูลไปสองคลื่นความถี่เพื่อความได้เปรียบทางการค้า แต่ก็ทำให้มีต้นทุนสูงกว่าคนอื่นเช่นกัน
ถึงตรงนี้ยังนึกไม่ออกว่า กรณีนี้จะต่างอะไรกับการที่รัฐบาลพันตำรวจโททักษิณ ถูกชี้หน้าว่าคอร์รัปชัน เพราะใช้อำนาจทางการเมืองไปเอื้อประโยชน์ให้ตนเอง พวกพ้องและพ่อค้าต่างชาติ จากการแก้กฎหมายเพื่อแปลงสัมปทานโทรศัพท์มือถือในยุคนั้นเป็นภาษีสรรพสามิต และการแก้ภาษีเหล้าให้บริษัทเหล้าชื่อดังข้ามโลกที่ยอมรับว่ามีการจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่ไทย จนทำให้รายได้รัฐต้องสูญเสียรายได้ไปมหาศาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี