ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลการศึกษาถึงผลกระทบการนำหุ่นยนต์มาใช้ในภาคอุตสาหกรรมกับตลาดแรงงานในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากค่าแรงที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่หุ่นยนต์กลับมีราคาถูกลงที่ผ่านมาพบว่าไทยมีการใช้หุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมแล้ว 5-10 ปี และมากเป็นอันดับ 10 ของโลกในอุตสาหกรรมรถยนต์ ยาง และพลาสติก รวมถึงอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากค่าแรงสูงกว่าอุตสาหกรรมอื่นและเป็นงานต้องใช้ความแม่นยำและมีแนวโน้มจะใช้หุ่นยนต์แทนแรงงานมากขึ้นใน 2-3 ปีข้างหน้าโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง 3 ล้านคนที่ทำงานในลักษณะซ้ำๆ เช่น สายการผลิต พนักงานคิดเงิน รวมถึงนักศึกษาจบใหม่สายสังคมศาสตร์มีโอกาสตกงานมากขึ้น
“การใช้หุ่นยนต์ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมไม่ใช่เรื่องใหม่ในประเทศพัฒนาแล้วอย่างเยอรมนี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และสิงคโปร์ และระยะหลังประเทศตลาดเกิดใหม่แถบเอเชีย โดยเฉพาะจีนก็เริ่มหันมาใช้หุ่นยนต์ในการผลิตมากขึ้น การศึกษาเรียนรู้บทเรียนจากต่างประเทศจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อเตรียมพร้อมและรับมือ”
นางสาวนันทนิตย์ ทองศรี นักเศรษฐศาสตร์ สายนโนบายการเงิน ธปท. ระบุว่า จากการสอบถามผู้ประกอบการยังไม่มีการเลิกจ้างฉับพลันเพราะการใช้หุ่นยนต์มีต้นทุนสูงและงานบริการหรือบางประเภทยังต้องใช้ทักษะแรงงานคน แต่ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าอาจเห็นการจ้างงานลดลงเรื่อยๆ แรงงานมีรายได้ลดลงกระทบกำลังซื้อ หากไม่ปรับตัวเพิ่มทักษะให้สอดรับกับเทคโนโลยีสมัยใหม่และความต้องการของตลาดแรงงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี