9 เม.ย. 2561 นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) เปิดเผยผลสำรวจยอดขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าชั้นในของกรุงเทพฯ 5 แห่งคือ 1.เซ็นทรัลเวิลด์ 2.เซ็นทรัลเอ็มบาสซี 3.เทอร์มินัล 21 4.สยามพารากอน และ 5.เอ็มควอเทียร์ เมื่อ 6 เม.ย. 2561 ระหว่างเวลา 10.00-20.00 น. พบว่า
1.คะแนนเฉลี่ยที่ได้ก็คือ 4.6 จาก 10 แสดงว่าสถานการณ์ไม่ดี โดยนายโสภณ กล่าวว่าขนาดห้างชื่อดังยังปรากฏว่าค่าเฉลี่ยตกต่ำกว่า 5 หากเป็นห้างชานเมือง ห้างในหัวเมืองในจังหวัดภูมิภาคอื่น เชื่อว่าจะย่ำแย่กว่านี้มาก 2.แม้จะนำ 1 ในตัวอย่างออกไปคือ Terminal 21 ย่านอโศก คะแนนเฉลี่ยก็เพิ่มมาอยู่ที่ 4.8 จาก 10 เท่านั้น นี่แสดงว่าลำพังห้างดังและหรูก็ยังประสบปัญหาในการขาย และสถานการณ์การขายไม่ได้ดีขึ้นจริง อย่างไรก็ตามตนไม่สามารถให้รายละเอียดของแต่ละห้างได้ เพราะอาจเป็นการกระทบต่อภาพพจน์ของห้างนั้นๆ
3.การที่มีนักท่องเที่ยวมามาก ก็ไม่ได้ทำให้ซื้อสินค้ามากขึ้น เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่มาดูมากกว่า ส่วนนักท่องเที่ยวตะวันตกก็เป็นพวกที่มีกำลังซื้อจำกัด โดยเฉพาะกลุ่มสะพายเป้ ซึ่งก็ไม่ได้ซื้อสินค้าในห้างเหล่านี้อยู่แล้ว ทั้งนี้ นายโสภณยังอ้างถึงการลงพื้นที่สำรวจการค้าขายที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อ 7 มี.ค. 2561 ว่าจากคำบอกเล่าของมอเตอร์ไซค์รับจ้าง คนจีนแม้มากันมากแต่ซื้อโรตีถุงเดียวทานกัน 5 คน การท่องเที่ยวก็แย่เพราะปิดบริการเร็วกว่าเดิม
และยิ่งในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว หรือ “โลว์ซีซันส์” (Low Season) ระหว่างเดือน พ.ค.-ต.ค. ที่จะถึงนี้ สถานการณ์จะยิ่งแย่กว่าเดิม โดยรวมแล้วแย่กว่า 4 ปีก่อน นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบริเวณวัดอรุณราชวราราม ท่าเตียนแถววัดโพธิ์ ท่าช้างแถวพระบรมมหาราชวัง และถนนข้าวสาร ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจไปท่องเที่ยวมากที่สุด พบว่า แม้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจริง คือประมาณร้อยละ 2.5 จากต้นปี 2560 แต่รายได้ลดลงเหลือร้อยละ 97.2
ซึ่งแม้รายได้ไม่ได้ลดลงมากแต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจของชาติก็ดูตกต่ำลงจากร้อยละ 100 เหลือร้อยละ 96.7 เท่านั้น และที่สำคัญในปี 2562 คาดว่ายังจะลงต่อไปเหลือร้อยละ 93.3 รวมไปถึงการสำรวจย่านพัฒน์พงศ์เมื่อเดือน ก.ย. 2560 ในเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยว โดยตั้งเกณฑ์ว่าในกรณีปกติ อาจอนุมานว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณร้อยละ 100 แต่ผู้ค้าประเมินเหลือเพียงร้อยละ 63 จากที่ควรจะเป็น แสดงว่าลดลงมากถึงร้อยละ 37
ในอีกแง่หนึ่งผู้ค้าที่เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงมากมีถึงร้อยละ 64 ที่เห็นว่าค่อนข้างลดลงมีร้อยละ 27 และที่เห็นว่าเหมือนเดิมมีร้อยละ 6 ส่วนที่เห็นว่าเพิ่มขึ้น มีเพียงร้อยละ 3 และที่เห็นว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมามากที่สุดมีเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น ไม่ต่างจากในด้านรายได้จากนักท่องเที่ยว ในแง่หนึ่งก็น่าจะล้อไปตามจำนวนนักท่องเที่ยว แต่ก็อาจแตกต่างกันได้
"ผลการศึกษาครั้งนั้นพบว่า ในกรณีปกติ อาจอนุมานว่ามีรายได้จากการท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 100% แต่ผู้ค้าประเมินเหลือเพียง 62% จากที่ควรจะเป็น แสดงว่าลดลงมากถึง 38% ทีเดียว แสดงว่าประเมินลดลงไปในทำนองเดียวกัน ในอีกแง่หนึ่งผู้ค้าที่เห็นว่ารายได้จากการท่องเที่ยวลดลงมากมีถึง 65% ที่เห็นว่าค่อนข้างลดลงมี 27% และที่เห็นว่าปานกลางหรือเหมือนเดิม มี 5% ส่วนที่เห็นว่าเพิ่มขึ้นมีเพียง 3% เท่านั้น” นายโสภณ กล่าว
นายโสภณ ยังกล่าวอีกว่า และเมื่อเดือน พ.ค. 2559 คณะของตนได้ไปสำรวจความเห็นของคนขับแท็กซี่ที่สนามบินทั้งสุวรรณภูมิดอนเมือง ผลคือต่างมองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเพราะนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่มาเป็นหมู่คณะไม่ได้มาใช้บริการแท็กซี่ แต่นักท่องเที่ยวชาติอื่นก็ลดน้อยลงเช่นกัน แท็กซี่ ซึ่งเป็นเสมือนทูตหรือหน้าต่างของประเทศไทยกลับไม่รู้สึกรู้สาด้วย จึงเป็นสิ่งที่พึงพิจารณา
"การที่ผลสำรวจภาคสนามกับตัวเลขของทางราชการสวนทางกันเช่นนี้ ผู้เกี่ยวข้องจึงควรศึกษาให้แน่ชัด การลงทุนในกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การสร้างโรงแรมรองรับนักท่องเที่ยว จึงควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจมีความเสี่ยงที่แฝงอยู่ การวิเคราะห์ทางการเงินจึงควรเพิ่มค่าความเสี่ยงหรือ Risk Premium ให้มากขึ้น เผื่อกรณีที่มีความเสี่ยงสูงเกินกว่าตัวเลขที่เป็นทางการนั่นเองทุกฝ่ายจึงพึงสังวร เศรษฐกิจกำลังทรุด ต้องอดออม อย่าลงทุนเกินตัว" นายโสภณ กล่าวย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี