สนช.ลงมติล้มกระดานกสทช. โยนคณะกรรมสรรหาตรวจสอบใหม่ หลังพบว่ากสทช.8คนขาดคุณสมบัติ
19 เม.ย.61 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 เป็นประธานการในที่ประชุม โดยที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก 118 คะแนน ต่อ 25 ไม่เลือกรายชื่อผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมาให้ สนช.โดยมีสมาชิก สนช.งดออกเสียงจำนวน 20 คน
สำหรับบุคคลที่ผ่านสรรรหาให้ดำรงตำแหน่ง กสทช.และให้ สนช.ลงมติให้เหลือด้านละ 1 คน มีดังนี้
1.ด้านกิจการกระจายเสียง จำนวน 2 คน ได้แก่ พ.อ.กฤษฎา เทอดพงษ์ และนายธนกร ศรีสุขใส
2.ด้านกิจการโทรทัศน์ จำนวน 2 คน ได้แก่ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ และ พล.อ.มังกร โกสินทรเสนีย์
3.ด้านกิจการโทรคมนาคม จำนวน 2 คน ได้แก่ นายอธิคม ฤกษบุตร และนายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ
4.ด้านวิศวกรรม จำนวน 2 คน ได้แก่ พล.อ.ต.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ และ พ.อ.อนุรัตน์ อินกัน
5.ด้านกฎหมาย จำนวน 2 คน ได้แก่ นายมนูภาน ยศธแสนย์ และ นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร
6.ด้านเศรษฐศาสตร์ จำนวน 2 คน ได้แก่ ผศ.ภักดี มะนะเวศ และ นายณรงค์ เขียดเดช
7.ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค หรือด้านการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน จำนวน 2 คน ได้แก่ นพ.สุริยเดว ทรีปาตี และนายวรรณชัย สุวรรณกาญจน์
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมลับนานกว่า 4 ชั่วโมง นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช.และเลขานุการวิป สนช.กล่าวว่า จากการรับฟังรายงานของคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการ กสทช.พบว่ามีปัญหาด้านคุณสมบัติและความประพฤติ รวม 8 คน ซึ่งอาจขัดกับมาตรา 7 ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ซึ่งกำหนดลักษณะต้องห้ามว่า กสทช.ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผู้จัดการ ผู้บริหาร ที่ปรึกษา พนักงาน ผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนหรือนิติบุคคลอื่นใดบรรดาที่ประกอบธุรกิจ ด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์หรือกิจการโทรคมนาคม ในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนได้รับการคัดเลือก
นายสมชาย กล่าวว่า สนช.ได้รับบัญชีรายชื่อบุคคลให้ดำรงตำแหน่งกสทช.ในแต่ละด้านมาจำนวน 2 เท่าก็จริง แต่เมื่อพบว่ามีบุคคลที่คุณสมบัติไม่ครบและมีลักษณะต้องห้าม จึงมีประเด็นว่าบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมานั้นมีจำนวน 2 เท่าตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ซึ่งถ้า สนช.ลงมติเลือกไปอาจมีปัญหาในทางกฎหมายได้ จึงขอให้ สนช.ลงมติเพื่อไม่เลือกบุคคลตามบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอ เพื่อให้คณะกรรมการสรรหากลับไปแก้ไขข้อบกพร่อง ซึงเป็นไปตามมาตรา 17 วรรคสองของกฎหมายที่กำหนดไว้ว่าถ้า สนช.ไม่สามารถเลือก กสทช.ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับบัญชีรายชื่อให้คณะกรรมการดำเนินการสรรหาเพิ่มเติมต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายตวง อันทะไชย สมาชิก สนช.อภิปรายแย้งว่า เมื่อคณะกรรมการสรรหาได้เสนอบัญชีรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการ กสทช. สนช.ก็ควรดำเนินการเลือกตามมาตรา 16 และมาตรา 17 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว อีกทั้ง สนช.ไม่มีหน้าที่ในการไปวินิจฉัยว่าใครมีคุณสมบัติครบหรือไม่ เพราะบัญชีารายชื่อที่ สนช.ได้รับมานั้นได้ผ่านกระบวนการคัดกรองมาแล้วชั้นหนึ่งจากคณะกรรมการสรรหา
นายตวง กล่าวว่า นอกจากนี้ สนช.จะใช้มติเพื่อยกเว้นการใช้ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่นฯ ไม่ได้ ซึ่งต่างจากการยกเว้นการใช้ข้อบังคับการประชุม สนช.ที่ สนช.สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย ดังนั้น สนช.ต้องดำเนินการตามกฎหมายเท่านั้นส่วนสมาชิก สนช.คนใดคิดว่าบุคคลดังกล่าวไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง กสทช.ก็ใช้สิทธิในลงคะแนนในทางใดทางหนึ่งต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี