นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่ายอดขอรับส่งเสริมการลงทุนไตรมาสแรกของปีนี้ (มกราคม-มีนาคม) มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริม การลงทุน 366 โครงการ เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอยู่ 288 โครงการเงินลงทุนรวม 205,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 247% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีการลงทุน 59,110 ล้านบาท โดยเป็นยอดขอรับการส่งเสริมฯ พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) 66 โครงการ มูลค่าการลงทุน 160,000 ล้านบาท คิดเป็น 81% ของยอดขอรับการส่งเสริมฯในไตรมาสแรกปีนี้ และคาดว่าในปีนี้ยอดขอรับการส่งเสริมฯน่าจะได้ตามเป้า 7.2 แสนล้านบาท โดยเป็นคำขอส่งเสริมฯในอีอีซี 3 แสนล้านบาท
สำหรับการประชุมครั้งนี้บอร์ดบีโอไอได้พิจารณาเห็นชอบมาตรการสำคัญที่ส่งผลดีต่อประเทศในหลายมิติ ทั้งเรื่องคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน การพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ และคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงานทั้งไทยและต่างด้าวในประเทศไทย ประกอบด้วย มาตรการส่งเสริมการลงทุนกิจการพัฒนาเมืองอัจฉริยะเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในด้านคมนาคมขนส่ง ด้านการศึกษาและความเท่าเทียมกันในสังคม ด้านความปลอดภัย ด้านความสะดวกในการทำธุรกิจ ด้านบริการจากภาครัฐ และด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม
พร้อมกันนี้ยังเห็นชอบให้บีโอไอปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอีอีซี โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับกิจการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น แบ่งเป็น 1.หากลงทุนในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) หรือเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) จะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 13 ปี 2.หากลงทุนในพื้นที่นิคมหรือเขตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science and Technology Park) นอกพื้นที่อีอีซี จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่เกิน 12 ปี
รวมทั้งเห็นชอบเปิดส่งเสริมการลงทุนแก่ “กิจการพัฒนาที่พักอาศัยสำหรับแรงงานมาตรฐานสากล” ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว โดยดำเนินการได้ทั่วประเทศ หากตั้งกิจการในพื้นที่ทั่วไปจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี แต่หากตั้งใน 10 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 จังหวัดจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 6 ปี จะต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2562
นางสาวดวงใจกล่าวว่าที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศที่ทันสมัย เป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค รองรับการขยายตัวของธุรกิจ E-Commerce และ E-Logistics รวมถึงปรับเปลี่ยนประเทศไทยไปสู่ระบบดิจิทัลจึงเปิดให้ส่งเสริม “กิจการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบอัจฉริยะ” และกำหนดให้เป็นหนึ่งในกิจการเป้าหมายที่จะได้รับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนอาทิ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี สำหรับรายได้จากการให้บริการกระจายสินค้าระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ได้ขยายระยะเวลาการขอรับสิทธิประโยชน์ตามนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ 10 จังหวัด (ตาก ตราด มุกดาหาร สระแก้ว สงขลา เชียงราย หนองคาย นครพนม กาญจนบุรี และนราธิวาส) ออกไปจนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563 (เดิมสิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2561) เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ชายแดนมากขึ้น พร้อมทั้งได้พิจารณาให้การส่งเสริมโครงการลงทุน 6 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 37,726 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี