"กัมพูชา" ส่งตัวแทนถก "คมนาคม" ขอศึกษาต้นแบบงานบริหารจัดการโลจิสติกส์ไทย ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟเชื่อมอรัญประเทศ–ปอยเปต ลุ้นเปิดเดินรถช่วง มิ.ย.-ก.ค. ด้าน JICA เตรียมนัดถก 3 ฝ่าย ติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย
17 พ.ค. 2561 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังผู้แทนรัฐมนตรีขนส่งของกัมพูชาเข้าพบว่า กัมพูชามีความต้องการขอศึกษางานด้านโลจิสติกส์ของไทย รวมถึงศึกษาแผนการดำเนินงานและกลยุทธ์ต่างๆ เนื่องจากขณะนี้กัมพูชากำลังประสบปัญหารถบรรทุกเข้าสู่ตัวเมือง และส่งผลให้เกิดปัญหารถติด โดยได้ให้ความสนใจดูต้นแบบบริหารจัดการศูนย์ขนถ่ายสินค้าของไทย 3 แห่งที่พุทธมณฑล ร่มเกล้า และรังสิต และต้องการศึกษาต้นแบบของการบริหารจัดการ เพื่อนำไปพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของกัมพูชาต่อไป สำหรับแผนการพัฒนาโลจิสติกส์ของไทยนั้น มีแผนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ส่วนความคืบหน้ารถไฟเชื่อมเส้นทาง “อรัญประเทศ–ปอยเปต-ศรีโสภณ-พระตะบอง-พนมเปญ” นั้น ขณะนี้กัมพูชาได้เปิดเดินรถในฝั่งกัมพูชาแล้ว แต่ในส่วนการเดินรถเชื่อมต่อกับไทยยังอยู่ระหว่างรอกำหนดเวลาทำบันทึกข้อตกลง (MOU) การเดินรถระหว่างประเทศ ที่จะต้องมีการเจรจาเพิ่มเติม เช่น การดูแลและซ่อมบำรุง เป็นต้น โดยทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะต้องไปหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุป MOU ร่วมกับฝ่ายกัมพูชา และเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ และเสนอต่อไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้พิจารณาอนุมัติก่อนลงนามในข้อตกลงต่อไป และทางกัมพูชาต้องการให้มีการเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้สามารถเปิดเดินรถได้ช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ รวมถึงไทยจะมอบรถไฟดีเซลรางให้กัมพูชา 1 ขบวน มี 3 ตู้ เป็นสัญลักษณ์ความสัมพันธ์ความร่วมมือด้านระหว่าง 2 ประเทศ
อย่างไรก็ตาม ทางกัมพูชาต้องการที่จะเจรจาในส่วนของเรื่องรถผ่านแดนที่ตามกรอบของข้อตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) ที่อนุญาตให้แลกเปลี่ยนสิทธิจราจรในประเภทรถบรรทุกก่อนเพื่อขนส่งสินค้าข้ามแดนจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่งได้ หรือข้ามไปประเทศที่ 3 โดยได้มีการเสนอเพิ่มเส้นทางวิ่งรถเข้ามาทั่วประเทศไทย จากเดิมที่เคยมีการกำหนดเส้นทางเดินรถให้แล้ว แต่เบื้องต้นทางไทยไม่สามารถให้ได้ เนื่องจากจะต้องมีการกำหนดเส้นทางวิ่งที่ชัดเจนและประเทศไทยมีเส้นทางโครงข่ายถนนเยอะมาก และกังวลเกี่ยวกับเรื่องของปัญหาด้านความปลอดภัย ขณะที่โควตาของรถผ่านแดนนั้นยังอยู่ที่ 400 คัน
นอกจากนี้ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ยังได้เข้าพบเพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการพัฒนาคลองผันน้ำควบคู่ถนนวงแหวนรอบที่ 3 เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาทบทวนการจัดทำแผนแม่บทและการศึกษาความเหมาะสมและแผนการจัดการน้ำอย่างบูรณาการ และขณะนี้ใกล้จะส่งรายงานขั้นสุดท้ายแล้ว
โดยทางด้านตะวันออก กรมทางหลวง (ทล.) มีแผนที่จะจัดทำโครงการคลองผันน้ำเพิ่มเติมจากแผนเดิมอยู่แล้ว เป็นลักษณะจัดทำแผนโครงการคลองผันน้ำควบคู่ถนนวงแหวน และได้มีการมอบหมายให้สำรวจความเป็นไปเรื่องของการก่อสร้างถนนชิดกับคลอง ที่จะต้องศึกษาว่าจะสามารถทำให้ชิดกันได้มากน้อยเพียงใด โดยหากสามารถสรุปเรื่องแผนแล้วจึงจะทำรายละเอียดการก่อสร้างที่มีระยะทาง 100 กิโลเมตร โดยเป็นการรับน้ำจากแม่น้ำป่าสักไปจนถึงแม่น้ำบางปะกง และหากการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจำเป็นต้องให้มีการเวนคืนน้อยที่สุด
ขณะที่ในส่วนความคืบหน้าของโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายนั้น JICA จะมีการรายงานผลการศึกษาที่ทำการศึกษาแผนแม่บทช่วงปลายเดือนนี้ให้กับทางเมียนมารับทราบ และหลังจากนั้นจะมีการนัดหารือร่วมกัน 3 ฝ่ายในช่วงเดือนมิถุนายน เพื่อพิจารณาว่าจะมีการปรับปรุงการดำเนินการอย่างไรเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนความคืบหน้าของการประชุมความร่วมมือรถไฟไทย-จีน นั้น คาดว่าจะมีการประชุมครั้งต่อไปในช่วงปลายเดือนนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี