นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากปรับตัวของราคาน้ำมันดีเซลใกล้ 30 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ผู้ประกอบการรถบรรทุกต้องแบกรับภาระต้นทุนด้านพลังงานที่สูงจนเกินไป และที่ผ่านมายังไม่เคยมีการปรับขึ้นราคาค่าขนส่งมาเกิน 10 ปีแล้ว ซึ่งปัญหาการขึ้นของราคาน้ำมันดีเซลนั้นกระทบต่อภาคการขนส่งสินค้าอย่างมากโดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลจะรวมค่าขนส่งและภาษีท้องถิ่นด้วยทำให้ผู้ประกอบการในท้องถิ่นต้องแบกรับภาระต้นทุนมากกว่าเดิม
นอกจากจะพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นราคาแล้วยังต้องการเสนอให้รัฐบาลนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ประมาณ 40,000 ล้านบาท เพื่อนำออกมาพยุงราคาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกอบการควบคู่ไปกับการทยอยปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อไม่ให้กระทบกับภาพรวมการขนส่ง
ก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการทั่วประเทศ โดยที่ประชุมมีมติร่วมกันว่าให้เตรียมเรื่องเสนอไปยัง กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอปรับขึ้นราคาค่าขนส่งสินค้าผ่านรถบรรทุก 5%
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ผู้ประกอบการมองว่าราคาดีเซลที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ 25 บาทต่อลิตร และมองว่าการปรับขึ้นราคาในครั้งนี้จะไม่กระทบต่อราคาสินค้าอุปโภคและวัตถุดิบการก่อสร้างเนื่องจากเป็นสัดส่วนที่ไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อต้นทุนรวม เนื่องจากเมื่อนำมาคิดราคาเฉลี่ยต่อกิโลกรัมแล้วอยู่ที่ราว 0.0014 บาท จึงแน่ใจว่าผู้ประกอบการและผู้ขายสินค้าจะไม่สามารถนำเหตุผลดังกล่าวมาอ้างใช้ในการขึ้นราคาสินค้าได้
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้มีการแจ้งไปยังสมาคมและสหพันธ์ต่างๆให้ชะลอในเรื่องของการปรับอัตราค่าขนส่ง พร้อมให้มีการพิจารณาผลกระทบในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่ กรมการค้าภายใน ยืนยันว่าในช่วงนี้ยังไม่มีการขยับปรับขึ้นราคาสินค้า ซึ่งในส่วนของการศึกษาโครงสร้างราคาอัตราค่าโดยสารนั้น คาดว่าจะเห็นภาพในส่วนของปัจจัยต่างๆ ได้อีกประมาณ 2-3 เดือน เพราะไม่ได้มีการพิจารณาแค่ปัจจัยด้านพลังงานเชื้อเพลิงอย่างเดียวแต่จะต้องพิจารณาในทุกองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างต้นทุนด้วย
“ภาคการขนส่งเป็นลักษณะที่ทางสหพันธ์ดำเนินการขนส่งที่เป็นวัสดุสินค้าหลัก มีลักษณะสัญญาผูกพันกันเป็นการขนส่งตลอดทั้งปี การขนส่งล่วงหน้าก็ยังใช้สัญญาเดิมอัตราการขนส่งเดิม ส่วนภาครถโดยสารสาธารณะกรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการศึกษาวิเคราะห์โครงสร้างทุกปัจจัยให้ครอบคลุมทุกด้านเพราะฉะนั้นจะต้องรอผลการศึกษาก่อน และทางกระทรวงคมนาคมก็ได้แจ้งในเชิงนโยบายไปแล้วว่าในช่วงนี้ก็ให้ชะลอการขึ้นอัตราค่าโดยสารไปก่อน” นายสนิท กล่าว
ทั้งนี้การปรับขึ้นราคาค่าโดยสารจะต้องมีการรับนโยบายจากทางกระทรวงคมนาคมก่อน และการกำหนดอัตราค่าโดยสารจะต้องได้การเห็นชอบจากคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ทางภาคผู้ประกอบการจึงไม่สามารถดำเนินการปรับขึ้นราคาอย่างอิสระได้ ซึ่งการที่จะเสนอคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางได้จะต้องมีข้อมูลการเปรียบเทียบ การวิเคราะห์ อัตราการคำนวณ โดยใช้โครงสร้างจากที่ปรึกษาเพื่อนำไปสู่การพิจารณาต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี