31 พ.ค.61 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้มีการมอบนโยบายคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ชุดใหม่ โดยเน้นการปรับบทบาทของ ขสมก.เป็นผู้ประกอบการ โดยเตรียมความพร้อมในการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่น และปรับตัวเป็นระบบขนส่งรองรับส่งประชาชนสู่ระบบรถไฟฟ้า รวมทั้งพัฒนามาตรฐานการให้บริการนำระบบเทคโนโลยีนำมาใช้เช่น ระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์(E-Ticket) หลังจากปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ 269 เส้นทาง ในส่วนของหนี้สินสะสม ขสมก. ที่มีหนี้บางส่วนมาจากนโยบายรัฐบาลนั้นต้องให้ความสำคัญเรื่องการอุดหนุนบริการภาคสาธารณะ(PSO) เนื่องจากที่ผ่านมามีค่าใช้จ่ายเท่าใด โดยในส่วนของหนี้จากนโยบายรัฐหากขออุดหนุนนั้น คาดว่าภาครัฐบาลจะช่วยเหลือได้ประมาณ 50% ของมูลค่าหนี้ทั้งหมด
ทั้งนี้ จะต้องมีการเข้มงวดมากขึ้นในส่วนของรายจ่ายและการหารายได้จากเส้นทางเดินรถที่มีศักยภาพเช่น เช่นสาย A3 ดอนเมือง-สวนลุมพินี และ A4 ดอนเมือง-สนามหลวง ที่ได้รับความนิยมมากสามารถเก็บค่าบริการอัตราพิเศษได้ ขณะที่ส่วนการจัดซื้อรถเมล์ใหม่นั้น ให้นำข้อเสนอแนะจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ก่อนหน้านี้ที่ขอจัดซื้อรถเมล์จาก 3,623 คัน เหลือ 3,000 คัน ล็อตแรก ได้จัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ( NGV) 489 คันไปแล้ว และในอนาคตจะจัดซื้อรถเมล์ใหม่อีก 2,000 กว่าคัน แบ่งเป็นรถเก่าปรับปรุงสภาพใหม่ 323 คัน ที่เหลือรถเมล์ใหม่เชื้อเพลิงประเภทต่างๆ ที่อาจจะเป็นระบบเชื้อเพลิงดีเซล ระบบดีเซลและไฟฟ้า และรถเมล์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งมีแนวทางการดำเนินการจัดหาอย่างไร จะเป็นรูปแบบการจัดซื้อหรือเช่าต้องพิจารณาต่อไป
สำหรับกรณีตามข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการรถร่วมบริการ บริษัท ขนส่ง จำกัด(รถร่วมฯ บขส.) และผู้ประกอบการรถร่วมบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(รถร่วมฯ ขสมก.) เสนอให้ทางกระทรวงคมนาคมพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารนั้น ยืนยันว่าจะยังไม่มีการพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสาร เนื่องจากขณะนี้ราคาพลังงานมีการปรับตัวลง และจากการหารือร่วมกับกระทรวงพลังงานทิศทางราคาพลังงานจะปรับลดลงต่อเนื่อง รวมถึงผู้ประกอบการที่ใช้ก๊าซ NGV ก็มีกองทุนฯช่วยอุดหนุนราคาพลังงานอยู่แล้วแต่ยังคงต้องมีการหารือร่วมกันและรับฟังข้อเสนอของผู้ประกอบการ โดยขณะนี้ทางกรมการขนส่งทางบกก็อยู่ระหว่างศึกษาโครงสร้างค่าโดยสารใหม่ ขณะที่ข้อเรียกร้องให้ปรับลดเก็บค่าตอบแทนให้กับผู้ประกอบการก็จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งว่าจะสามารถปรับลดได้หรือไม่
ด้านนายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่าทางคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้มีมติเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการองค์กร ขสมก.เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะดำเนินการจัดหางบประมาณซื้อรถเมล์ใหม่จำนวน 3,000 คัน เพื่อลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซ่อมบำรุงตามแผนฟื้นฟูฯต่อไป ในส่วนของหนี้สินสะสมประมาณ 100,000 ล้านบาทนั้น ทาง ขสมก.จะมีการหารือร่วมกับสำนักบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกันต่อไป นอกจากนี้โครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV ใหม่นั้นยังยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการต่อไปพร้อมกับต้องรอผลการตัดสินจากศาลปกครองกลางด้วย ขณะที่ข้อมูลจากจาก ขสมก.ระบุว่าปัจจุบัน ขสมก.มีภาระหนี้สินจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 100,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้สินที่เกิดจากนโยบายของรัฐบาลประมาณ 84,800 ล้านบาทหรือคิดเป็น 84% ของมูลค่าหนี้ทั้งหมดและอีกประมาณ 16,000 ล้านบาทนั้นเป็นหนี้สินที่เกิดจากงานบริหารของ ขสมก.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี