ที่ โรงแรมเรเนซองส์ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 สาธารณรัฐประชาชนจีน และญี่ปุ่นได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU)ว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอกชนระหว่างจีน-ญี่ปุ่นในประเทศที่สาม ที่กรุงโตเกียว โดยบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ระบุถึงการจัดตั้ง คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนากิจกรรมทางธุรกิจของภาคเอกชนจีนและญี่ปุ่นภายใต้กรอบเจรจาระดับสูงด้านเศรษฐกิจ และทั้งสองประเทศจะร่วมกันสำรวจตลาดและภาคอุตสาหกรรมในประเทศที่ 3 ที่ภาคเอกชนจีน และญี่ปุ่นจะร่วมลงทุน
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการอีอีซี จะร่วมกับสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือการลงทุนร่วมกันของจีนและญี่ปุ่น ซึ่งมีพื้นที่อีอีซีเป็นพื้นที่นำร่องของทั้ง 2 ประเทศ โดยกรอบการทำงานจะเสร็จภายใน 2 เดือน ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะถูกบรรจุไว้ในการประชุมระดับผู้นำประเทศและมีการพูดถึงความร่วมมือลงทุนในอีอีซีติดไปด้วยทุกครั้ง
นอกจากนี้ในวันที่ 4 มิถุนายน 2561 จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยจะมีการหารือ 2 วาระสำคัญ คือ การปรับองค์สร้างอีอีซีจากเดิมอยู่ภายใต้ม.44 ไปสู่การทำงานภายใต้พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และการรายงานความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ที่จะมีการลงทุนทั้งสนามบิน รันเวย์ และการประกาศเชิญชวนการคัดเลือกเอกชนการร่วมลงทุนกับเอกชนในกิจการของรัฐ
นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงการประกาศเชิญชวนการคัดเลือกเอกชนการร่วมลงทุนกับเอกชนในกิจการของรัฐ(ทีโออาร์)โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นก้าวแรกที่ประกาศอย่างเป็นทางการ โดยขณะนี้ยังมีเอกชนสนใจประมาณ 5 กลุ่ม แต่ยังไม่ยืนยันว่าจะยื่นประมูลหรือไม่
นอกจากนี้ บีโอไอ และกระทรวงอุตสาหกรรมยังเตรียมที่จะจัดทำโครงการโรดโชว์เพื่อชักจูงนักลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และสหภาพยุโรป ให้เข้ามาลงทุนในอีอีซี โดยทางเกาหลีเชิญกระทรวงอุตสาหกรรมนำคณะไปเยือน เพื่อแสวงหาความร่วมมือในการลงทุนระหว่างทั้ง 2 ประเทศ เร็วๆ นี้ คาดว่า ในช่วง 5 ปี นับจากนี้การลงทุนในพื้นที่อีอีซีจะมีการลงทุนรวมสูงถึง 43,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายชิโระ ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นเข้ามาทำงานในประเทศไทยแล้วกว่า 50,000 คน โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี ซึ่งส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นจะยังคงผลักดันและสนับสนุนกิจกรรมทางธุรกิจของภาคเอกชนญี่ปุ่นในประเทศไทยต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี