นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหารศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย (TMB Analytics) เปิดเผยว่าธนาคารได้ปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 4.5%
จากเดิมโต 4.2% สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกที่เติบโตแข็งแกร่งโต 3.9% โดยมีปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกที่โต 4.8%ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับสูงขึ้น คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์เฉลี่ยที่ 71 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากเฉลี่ย 55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรและสินค้าโภคภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ที่มีสัดส่วนรวมกันคิดเป็น 25% ของมูลค่าการส่งออกรวมขยับสูงขึ้นไปด้วย ทำให้ภาพรวมการส่งออกไทยขยายตัว 8.6% สูงกว่าเดิมที่คาดโต 4.8%
สำหรับเครื่องยนต์สำคัญที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ คือ การลงทุนเอกชนขยายตัวเร่งขึ้นโต 4.4% สะท้อนจากการนำเข้าสินค้าทุน เครื่องจักร อุปกรณ์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันมา 6 ไตรมาส ส่งผลการนำเข้าปีนี้ขยายตัว 12.6% บวกกับอัตราการใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมส่งออก เช่น ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ ปรับสูงขึ้นแตะระดับ 80 สอดคล้องกับความเชื่อมั่นภาคธุรกิจดีขึ้น จากการที่ประกาศใช้พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ช่วยผ่อนคลายข้อจำกัดการลงทุนหลายด้าน ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐขยายตัว 8.5% แม้จะแผ่วลงบ้างแต่ยังมีเม็ดเงินโครงสร้างพื้นฐานปีนี้ที่ 36,000 ล้านบาท ส่วนท่องเที่ยวยังโตต่อเนื่องคาดจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 38.5 ล้านคนหรือขยายตัว 9%
ส่วนการบริโภคภาคเอกชนกลับสู่ขาขึ้น คาดโต 3.4% การบริโภคสินค้าคงทนเริ่มกลับมาหลังจากปลดล็อกโครงการรถคันแรกรวมทั้งรายได้เกษตรที่ดีขึ้นตามปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะข้าว อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และปัจจัยด้านราคาพืชหลักที่สูงขึ้น ได้แก่ ข้าวและมันสำปะหลัง แต่ยังไม่เข้มแข็งเพราะยังมีปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนกดดัน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำทำให้ผู้บริโภคกล้าเสี่ยงลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจไทยได้ อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1-2ครั้ง ปลายปีนี้ จากระดับปัจจุบันที่ 1.50%
ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทมองว่ายังคงเป็นไปในทิศทางแข็งค่าต่อเนื่องจากปีก่อนสิ้นปีมีโอกาสอยู่ที่ 31.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยที่เข้มแข็งที่ได้รับอานิสงส์จากภาคส่งออกและการท่องเที่ยว ขณะที่การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มลดลงจากปีก่อน และคาดว่าดอลลาร์ที่แข็งค่า ณ ปัจจุบันอยู่ในช่วง 31.9-32.2 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะเป็นในระยะสั้นสอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีและแนวโน้มเงินเฟ้อที่สูงขึ้น แต่มีแนวโน้มที่ดอลลาร์จะอ่อนค่าลงในช่วงที่เหลือของปีจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเรื่องการขาดดุลงบประมาณและดุลการค้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี