ธอส.ระบุนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เกิน 1 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลา 6 เดือน ครึ่งปีหลังเดินหน้า‘สังคมไร้เงินสด’ มุ่งพัฒนาให้บริการสู่ Digital Service เต็มรูปแบบ รองรับไทยแลนด์ 4.0 เชื่อมโยง Mobile Application ของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งรับชำระหนี้เงินกู้ซื้อบ้านของ ธอส. ตั้งเป้าสิ้นปี 61 ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของการชำระเงินกู้ผ่านเคาน์เตอร์
18 ก.ค.61 นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ของปี 2561 ธอส.สามารถปล่อยสินเชื่อปล่อยใหม่ออกสู่ระบบกว่า 105,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 53.67 จากจำนวนลูกค้า 85,263 บัญชี โดยเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่ วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง จำนวน 51,482 ราย จากยอดเงินกู้ทะลุแสนล้านบาท เพราะผู้ต้องการซื้อบ้านมีความมั่นจากเศรษฐกิจฟื้นตัว รัฐบาลส่งเสริมให้คนไทยมีบ้านผ่านมาตรการด้านต่างๆ ธอส. จึงตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไม่ให้สูงมากเกินไปจนเป็นภาระต่อการผ่อนบ้าน สำหรับยอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,070,698 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.62 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 60 สินทรัพย์รวม 1,137,871 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.10% เงินฝากรวม 920,248 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.25 หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 47,208 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 4.41 ของยอดสินเชื่อรวม
“นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เกิน 1 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน ซึ่งเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ขยายตัวดีขึ้น รวมถึงการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าทุกระดับรายได้ โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อกลุ่ม Social Solution หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย อาทิ โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับกลุ่มผู้ที่ได้รับสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีรายได้ ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน บุคลากรภาครัฐ และประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มียอดปล่อยสินเชื่อรวมจำนวน 22,150 ล้านบาท โครงการบ้าน ธอส.เพื่อสานรัก ปี 2561 ให้กู้ต่อรายไม่เกิน 3 ล้านบาท ปล่อยได้จำนวน 8,270 ล้านบาท ส่วนผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Business Solution หรือสำหรับกลุ่มผู้ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป อาทิ สินเชื่อบ้านมั่งมีศรีสุข สินเชื่อ For Home และสินเชื่อบ้าน Home for All มียอดปล่อยสินเชื่อรวมกันกว่า 36,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย 189,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน” นายฉัตรชัย กล่าว
นายฉัตรชัย กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานในครึ่งปีหลังว่า เพื่อรองรับสังคมไร้เงินสดตามนโยบาย E-Payment ของรัฐบาล จึงยกระดับการให้บริการตามแผน Transformation to Digital Service เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นตัวขับเคลื่อน Digital Technology มาปรับใช้ทุกส่วนของธุรกิจ แก้ปัญหาลูกค้าไม่สะดวกในการชำระหนี้เงินกู้ รอคิวนานในช่วงสิ้นเดือน จึงนำเครื่องรับชำระหนี้เงินกู้อิเล็กทรอนิกส์ : LRM หวังอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าชำระเงินกู้ด้วยเงินสดในกระเป๋า ภายในเดือนกรกฎาคม 2561 นี้ ธอส.จะมีเครื่องรับชำระหนี้เงินกู้ด้วยเงินสดผ่านเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ รวม 170 เครื่อง ลดปัญหาการกระจุกตัวการชำระหนี้เงินกู้ของลูกค้าในช่วงสิ้นเดือนและลดปริมาณธุรกรรมหน้าเคาน์เตอร์
นอกจากนี้ยังพัฒนาเครื่องชำระเงินกู้ไร้เงินสด : QR Non Cash Payment ตอบรับสังคมไร้เงินสด เพื่อให้ลูกค้าชำระหนี้เงินกู้ ธอส. โดยใช้ Mobile Application ของธนาคารทุกแห่ง โดยไม่ต้องใช้เงินสด เพียงระบุเลขที่บัญชี เงินกู้ และเลือกบัญชีและจำนวนเงินที่ต้องการชำระเงินผ่อนบ้าน โดยเครื่องจะสร้าง QR Code เฉพาะการชำระหนี้เงินกู้ครั้งนั้นๆ มีการทำงานคล้ายเครื่อง รับชำระหนี้เงินกู้อิเล็กทรอนิกส์ : LRM แทนที่ลูกค้าจะชำระด้วยเงินสด เปิดทางให้ชำระด้วยการโอนเงินผ่าน Mobile Application ด้วยการติดเครื่องชำระหนี้เงินกู้ไร้เงินสด QR Non Cash Payment จำนวน 20 เครื่อง เพื่อให้บริการลูกค้า โดยติดตั้งที่สาขา กทม.และปริมณฑลก่อนภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการชำระหนี้เงินกู้ของลูกค้าแบบค่อยเป็นค่อยไป จากเดิมชำระด้วยเงินสด ผ่านหน้าเคาน์เตอร์ หรือเครื่อง LRM เป็นชำระหนี้เงินกู้แบบไม่ต้องใช้เงินสดผ่าน QR Non Cash Payment และ GHB Mobile Application ตามลำดับ
นายฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังให้โหลด Mobile Application :GHB ALL เป็นแอปพลิเคชันของ ธอส.รวมทุกบริการ ตั้งแต่จองคิว ติดต่อเจ้าหน้าที่ แจ้งความจำนงขอสินเชื่อ สอบถามสถานะพิจารณาสินเชื่อ แจ้งผลอนุมัติ นัดทำนิติกรรม ชำระหนี้เงินกู้ โอนเงิน ใบเสร็จรับชำระหนี้ และแจ้งเตือนชำระหนี้
“ธนาคารตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปี 61 จำนวนธุรกรรมชำระหนี้เงินกู้ผ่าน Payment Gateway ทั้ง 3 ช่องทาง ต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของจำนวนธุรกรรมที่มาชำระเงินกู้ที่เคาน์เตอร์ของธนาคารทั้งหมด ตลอดจนการจัดหาเครื่องรับเงินฝากประชารัฐ : Mobile Deposit Machine เป็นเครื่องรับฝากเงินให้บริการนอกสถานที่แก่ลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้น้อยตามชุมชนต่างๆ เพื่อความรวดเร็ว มั่นใจ ปลอดภัย สร้างวินัยการเงิน และเสริมความเข้มแข็งเพื่อการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อเพื่อการมีบ้านในอนาคต เตรียมนำออกให้บริการ 200 เครื่อง ภายในเดือนกรกฎาคมนี้” นายฉัตรชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี