นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่าในช่วงนี้รัฐบาลพิจารณาและเห็นว่า ระดับราคาอสังหาริมทรัพย์ยังไม่แพงมาก จึงอยู่ในวิสัยที่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย สามารถขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยและผ่อนชำระได้ กระทรวงการคลัง จึงมอบหมายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ธอส. อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีอัตราเงินผ่อนต่อเดือนใกล้เคียงกับค่าเช่าบ้านแล้ว เพื่อช่วยเหลือให้ผู้มีรายได้น้อยมีโอกาสมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง
“รัฐบาลนี้ต้องการให้คนทุกคนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย มีโอกาสได้มีบ้านเป็นของตัวเอง เพราะหากประเทศไทยก้าวข้ามไปเป็นประเทศมีรายได้สูงหรือประเทศพัฒนาแล้ว โอกาสที่ประชาชนจะมีบ้านเป็นของตัวเองก็จะเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น เหมือนกับที่ประเทศญี่ปุ่นที่ขณะนี้เป็นประเทศพัฒนาแล้ว แต่ประชาชนไม่สามารถซื้อบ้านได้เพราะราคาสูง จึงต้องเช่าบ้านอยู่”
ส่วนกรณีที่ธนาคารพาณิชย์เริ่มทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้นั้น เป็นเรื่องที่ธนาคารสามารถดำเนินการได้โดยอิสระ และเป็นไปตามสภาพของตลาดเงิน หรือความจำเป็นในการใช้เงินในอนาคตเมื่อเทียบกับปริมาณเงินที่ระดมได้ของแต่ละธนาคาร หากธนาคารนั้นๆ เห็นว่า ต้องใช้เงินมากก็จะปรับขึ้นดอกเบี้ยดึงเงินเข้ามาและปรับดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นด้วย แต่ก็ขึ้นกับสภาพคล่องของตลาดด้วย หากตลาดมีสภาพคล่องมาก ก็ไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่วนประชาชนผู้ที่กู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยไปแล้ว ไม่น่าจะกระทบเพราะส่วนใหญ่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะคงที่อยู่ไม่ได้ปรับขึ้น แต่เงินกู้รายใหม่บางธนาคารเริ่มปรับฐานในการคำนวณ ซึ่งผู้บริโภคสามารถเลือกได้ว่าจะใช้บริการสินเชื่อจากธนาคารใด
ในส่วนของ ธอส.ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในอัตราดอกเบี้ยถูกอยู่แล้ว ประชาชนสามารถใช้บริการได้ แต่ ธอส.เองก็พิจารณาสภาพตลาดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงการคลังมีนโยบายให้ ธอส.ปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยถูกที่สุดเท่าที่ ธอส. ยังคงดำเนินงานอยู่ได้
อนึ่งสำหรับผลการดำเนินงานของธอส.ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อปล่อยใหม่ได้ 105,429 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 53.67% คิดเป็น 85,263 บัญชี โดยเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง 51,482 ราย
ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2561 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,070,698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.62% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2560 มีสินทรัพย์รวม 1,137,871 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.10% เงินฝากรวม 920,248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.25% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 47,208 ล้านบาท คิดเป็น 4.41% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 0.20% จาก ณ สิ้นปี 2560 ซึ่ง NPL อยู่ที่ 4.21% ของสินเชื่อรวม และมีกำไรสุทธิ 6,439 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี