การซื้อขายหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 ดัชนีหุ้นไทยปิดทำการที่ระดับ 1,695.35 จุด ลดลง 10.61 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 54,248.54 ล้านบาท ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ระบุว่า ปัจจัยหนึ่งมาจากความกังวลผลกระทบจากการทรุดตัวลงของค่าเงินลีราของตุรกีว่าอาจจะส่งผลลุกลามไปยังเศรษฐกิจและการเงินของประเทศอื่นๆ และจะกระทบต่อธนาคารยุโรป ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,642.45 จุด ลดลง 24.56 จุด ส่วนดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 25,187.70 จุดลดลง 125.44
ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นโลกความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ค่าเงินตุรกี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการให้เพิ่มอัตราภาษีต่อเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าจากตุรกีขึ้นอีกสองเท่า
ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จับตาสถานการณ์ในตลาดการเงินโลกอย่างใกล้ชิด ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดการเงินไทยจึงอยู่ในวงจำกัด
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนรู้สึกกังวล และอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ตลาดการเงินโลกอย่างใกล้ชิด หลังจากเกิดเหตุการณ์ค่าเงินตุรกีอ่อนค่าลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออก และ นำเข้า เนื่องจากการเคลื่อนค่าเงินของตุรกี จะกระทบค่าเงินโดยรวมในตลาดโลกเป็นลูกโซ่ ส่วนหนึ่งเป็นคู่ค้ากับประเทศไทยหลายกลุ่มเช่น กลุ่มยุโรป อินโดนีเซีย สหรัฐฯ จึงต้องติดตาม เพื่อรองรับสถานการณ์ต่อไป ขณะที่ค่าเงินบาทอาจกระทบสั้นๆ เพราะสถานะการเงินของไทย ค่อนข้างแข็งแกร่ง
นายณัฐพล รังสิตพล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า จากการประเมินในเบื้องต้น วิกฤติค่าเงินลีร่าของตุรกียังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อไทยมากนัก เพราะปริมาณการค้าการลงทุนระหว่างไทย-ตุรกีมีความเชื่อมโยงกันน้อย โดยปี 2560 ที่ผ่านมาไทยส่งออกไปตุรกี 1,254 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.5% นำเข้าจากตุรกี 250 ล้านเหรียญสหรัฐ และครึ่งแรกของปีนี้ไทยส่งออกไปตุรกี 644 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้าจากตุรกี 157 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการค้า การลงทุน และภาคอุตสาหกรรมไทย
“ต้องยอมรับว่าวิกฤติการเงินตุรกีอาจส่งผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกในระยะสั้น โดยเฉพาะผลกระทบโดยตรงต่อประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ที่มีความเชื่อมโยงกันทุกมิติ แต่มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไทย ทั้งนี้ต้องจับตาดูผลกระทบทางอ้อมจากอียูที่มีความอ่อนไหวมากจากวิกฤติครั้งนี้ เพราะไทยมีธุรกรรมการเงิน การค้าและการลงทุนกับอียูเป็นหลัก” นายณัฐพลกล่าว
ขณะที่มี จากรายงานข่าวจากกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยที่มีการเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะจากภาคการส่งออก การบริการ และการท่องเที่ยว ดูได้จากความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2561) มีปริมาณทั้งสิ้น 28,347 ล้านลิตร เฉลี่ยวันละ 156.6 ล้านลิตร หรือ 985,005 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.8 ล้านลิตรต่อวัน หรือ 3.84%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี