นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)หรือสภาพัฒน์สรุปภาพรวมเศรษฐกิจไทย หรือ GDPในไตรมาสสองปี 2561 ขยายตัว 4.6% เทียบกับการขยายตัว 4.9% ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี 2561 ขยายตัวจากไตรมาสแรกของปี 2561 ประมาณ 1.0% รวมครึ่งแรกของปี 2561 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 4.8%
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวเร่งขึ้นของการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนการส่งออกสินค้า และการขยายตัวต่อเนื่องของการใช้จ่ายภาครัฐบาล ในด้านการผลิต การผลิตภาคเกษตร และสาขาการขายส่งและการขายปลีกฯ ขยายตัวในเกณฑ์สูงและเร่งขึ้น สาขาอุตสาหกรรม สาขาโรงแรมและภัตตาคาร สาขาการขนส่งและการคมนาคมชะลอตัวตามฐานการขยายตัวที่สูงขึ้น ขณะที่การก่อสร้างขยายตัวดีต่อเนื่อง
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2561 คาดว่าจะขยายตัว 4.2-4.7% แรงสนับสนุนที่สำคัญคือ(1) การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลให้การส่งออกและภาคการผลิตสำคัญๆ ขยายตัวในเกณฑ์ดี (2) แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐบาลและการลงทุนภาครัฐยังมีแนวโน้มที่ดีและเร่งขึ้น (3) การฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน และ (4) การปรับตัวดีขึ้นของฐานรายได้ในระบบเศรษฐกิจคาดว่าทั้งปีส่งออกจะขยายตัว 10.0% การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมขยายตัว 4.1% และ 4.4% ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วง 0.9-1.4% และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 8.4% ของ GDP
ประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในปี 2561 ควรให้ความสำคัญกับ (1) สนับสนุนการขยายตัวของภาคเศรษฐกิจสำคัญๆ โดยเฉพาะขับเคลื่อนการส่งออกให้ขยายตัวต่อเนื่อง โดยใช้โอกาสจากมาตรการกีดกันทางการค้า รวมทั้งติดตามและดำเนินมาตรการรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้น สนับสนุนการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว ทั้งการฟื้นฟูภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย และรักษาความปลอดภัยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ส่งเสริมการขายในตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล กระจายรายได้จากการท่องเที่ยวลงสู่เมืองรองและชุมชน และการสนับสนุนการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน อำนวยความสะดวกและกระตุ้นโครงการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกให้มีการลงทุนจริงโดยเร็ว การดูแลให้การดำเนินโครงการลงทุนของภาครัฐเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดรวมทั้งชักจูงนักลงทุนในสาขาและพื้นที่เป้าหมาย และนักลงทุนในประเทศที่ประสบปัญหาจากมาตรการกีดกันทางการค้า
(2) การดูแลเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย และการสร้างความเข้มแข็งให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และเศรษฐกิจฐานราก ประกอบด้วย การฟื้นฟูเกษตรกรที่ประสบปัญหาอุทกภัย การเตรียมมาตรการรองรับผลผลิตที่เพิ่มขึ้นและการขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าเกษตร การดำเนินการตามมาตรการสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการสินเชื่อที่มีวัตถุประสงค์ในการลดภาระการชำระหนี้และการลดข้อจำกัดการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และให้ความช่วยเหลือและพัฒนา SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจ พฤติกรรมผู้บริโภค
โครงสร้างประชากร และความผันผวนของค่าเงิน
(3) การขับเคลื่อนการลงทุนภาครัฐ โดยการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนภายใต้กรอบงบประมาณต่างๆ ให้มีเพียงพอต่อการสร้างแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ และการขับเคลื่อนโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง และภายใต้แผนพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และ (4) การเตรียมความพร้อมด้านกำลังแรงงานและคุณภาพแรงงานให้เพียงพอต่อการขยายตัวของภาคการผลิตและการลงทุน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี