เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2561 บมจ.ปตท.จัดงาน “พีทีที กรุ๊ป ซีจี เดย์ 2018” ที่อาคาร EnCo CP นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี และวิศวกรรม บมจ.ปตท.เปิดเผยความคืบหน้าในโครงการประมูลรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับเอกชนที่เสนอขอเข้าดูข้อมูลขอบข่ายการประมูล (ทีโออาร์) ประมาณ 2-3 กลุ่ม และต้องศึกษารายละเอียดของโครงการ พื้นที่ รูปแบบการลงทุน เป็นต้น จากนั้นจะเสนอผลการศึกษาเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ประมาณเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2561 เพื่อสรุปผลว่าจะลงทุนหรือไม่
สำหรับโครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาท เป็นโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนกิจการของรัฐ (พีพีพี) โดยเอกชนลงทุนประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าหาก ปตท.จะลงทุนจริงต้องแบ่งสัดส่วนการลงทุนกับพันธมิตร และส่วนหนึ่งจะต้องกู้เงินจากธนาคาร ดังนั้นจึงคาดว่าหากจะมีการลงทุนน่าจะใช้เงินประมาณ 3 หมื่นล้านบาทในส่วนของ ปตท.
นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ไทยออยล์ กล่าวถึงผลการดำเนินการในช่วงครึ่งปีหลังว่า มีแนวโน้มที่ดีขึ้นหรือใกล้เคียงครึ่งปีแรก หลังจากเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมากำไรของธุรกิจโรงกลั่นและผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ลดลงจากไตรมาสแรกของปีนี้ โดยในปัจจุบันกำไรของทั้งโรงกลั่นและอะโรเมติกส์เริ่มกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง ส่วนทิศทางราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลังคาดการณ์จะอยู่ที่ระดับ 70-75 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
ขณะที่ค่าการกลั่น (จีอาร์เอ็ม) ดีขึ้นค่อนข้างมาก จากสต๊อกผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลของโลกอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้นมาก ด้านผลิตภัณฑ์พาราไซลีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์นั้น มีส่วนต่าง (สเปรด) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 500 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน จากปีที่แล้วที่อยู่ระดับ 300 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เป็นผลจากความต้องการใช้พาราไซลีนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณการผลิตใหม่ของตลาดโลกไม่ได้เข้ามาตามแผนทำให้ราคาปรับขึ้นมาและส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัท
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ไออาร์พีซี กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ต้องติดตามการเคลื่อนไหวราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงขึ้น และต้องจับตาส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (สเปรด) โรงกลั่นที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ขณะที่สเปรดปิโตรเคมีทรงตัว ประกอบกับค่าการกลั่นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้กำไรสูงขึ้นกว่าครึ่งปีแรก จึงมองภาพรวมธุรกิจของบริษัทจะเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ว่า กำไรสุทธิปีนี้จะสูงกว่าปีที่ผ่านมา
“ไออาร์พีซีตั้งเป้าหมายสร้างกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA)เพิ่ม 100 ล้านเหรียญสหรัฐภายใน 3 ปี และกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีมี EBITDA เพิ่มเป็น 2.9 หมื่นล้านบาทในปี 2563”นายสุกฤตย์ กล่าว
ขณะที่ นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ.กล่าวว่า ช่วง 3-4 ปีข้างหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และราคาน้ำมันที่ผันผวน ดังนั้นการดำเนินธุรกิจแบบเดิมจะเกิดอุปสรรคต่อการอยู่รอดและเติบโต จึงมีการกำหนดกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดและการพัฒนา โดยต้องรับรู้บทบาท ช่วงแรกจึงมีการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ และเริ่มพัฒนาสู่การเตรียมความพร้อมเพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี