นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานร่วมคณะกรรมการกำกับการศึกษาประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ หรือเอสอีเอ (SEA) สำหรับพื้นที่จัดตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อว่าจ้างศึกษาโครงการวงเงิน 50 ล้านบาท ศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้
โดยผู้มีสิทธิ์ยื่นขอรับการจัดสรรเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ได้แก่ หน่วยงานของรัฐ สถาบันการศึกษา และองค์กรไม่แสวงหากำไร
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะเปิดชี้แจง (ทีโออาร์) และตอบข้อสงสัยสำหรับผู้สนใจในวันที่ 14 กันยายนนี้ และกำหนดระยะเวลาให้ผู้ที่สนใจยื่นข้อเสนอโครงการมายังกระทรวงพลังงานระหว่างวันที่ 17 กันยายน-5 ตุลาคม 2561 คาดว่าจะสามารถพิจารณาผู้ได้รับการคัดเลือกมาศึกษาโครงการช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 และหากดำเนินการได้ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ คาดว่าจะได้ผลการศึกษาทั้งหมดภายใน 9 เดือน นับจากวันที่ลงนาม หรือประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน 2562 ซึ่งหลังจากผลการศึกษาแล้วเสร็จจะเสนอให้ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน นำเสนอต่อให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป
“ผลการศึกษาจะต้องตอบได้ว่าจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ และจำเป็นต้องเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือไม่ หรือควรมีทางเลือกไหนที่เหมาะสมเป็นแนวทางมานำเสนอให้มีความชัดเจน เพื่อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดใดก็ตาม”นางสาวนันธิกากล่าว
นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานร่วมฯ กล่าวว่า คณะกรรมการได้กำหนดหลักเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกผู้ยื่นข้อเสนอโครงการที่มีความเหมาะสมมากที่สุด เพื่อนำไปสู่จุดเริ่มต้นการคลี่คลายสถานการณ์ที่มีข้อขัดแย้งต่อพื้นที่จัดตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ของประชาชนแต่ละกลุ่มอย่างรอบคอบ โดยยึดหลักการทำงานอย่างโปร่งใสให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี