ทีดีอาร์ไอชี้หนี้สาธารณะไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง 5 ปี แนะรัฐบาลเร่งลดรายจ่าย โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าวไม่ให้เกินปีละ 7 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งปรับโครงสร้างภาษีหารายได้ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ประเมินประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2556 และแนวโน้มหนี้สาธารณะ 2556-2560 ว่า การมีหนี้สาธารณะเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับประเทศที่ยังมีฐานภาษีต่ำและต้องการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ด้วยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนในระบบความคุ้มครองทางสังคม ระบบสวัสดิการ แต่รัฐบาลต้องคำนึงถึงพื้นที่การคลังให้มีมากพอเพื่อรองรับความจำเป็นในอนาคตหากมีการขาดดุล
พร้อมกันนี้ได้เสนอแนวทางการบริหารหนี้สาธารณะไว้ ด้วยการเพิ่มรายได้รัฐ เช่น การจัดระบบภาษีให้มีลักษณะอัตราก้าวหน้า (progressive) และตรงตามหลักความเสมอภาคทางภาษี และมีการเพิ่มภาษีใหม่ ๆ โดยเฉพาะจากฐานทรัพย์สิน มีการวางแผนการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง บริหารหนี้สาธารณะอย่างโปร่งใส มีการวางแผนระยะปานกลางถึงยาว (5 ปีเป็นอย่างน้อย) บริหารภาระทางการคลังอย่างเหมาะสม
โดยได้ประมาณการแนวโน้มหนี้สาธารณะ ภายใต้สมมติฐานหลายประการ เช่น อัตราการเพิ่มของรายจ่ายประจำ อัตราดอกเบี้ย การลงทุนปกติ เป็นต้น นอกจากนี้ได้รวมผลกระทบต่อภาระหนี้สาธารณะที่เกิดจากโครงการพิเศษทั้งด้านรายได้และด้านรายจ่าย ในช่วงปี 2556 - 2560 ภายใต้เงื่อนไข 3 กรณี คือ เศรษฐกิจขยายตัว 4% ขยายตัว 5% และขยายตัว 6% ตลอดระยะเวลา 5 ปีดังกล่าว
นายสมชัย เห็นว่า การที่แนวโน้มหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นในทุกกรณี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในภาวะเศรษฐกิจปกติ การคลังไทยมีโครงสร้างขาดดุลโดยพื้นฐาน ดังนั้นรัฐบาลควรบริหารความเสี่ยงด้วยการเร่งรัดลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท แต่ต้องจัดการใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิภาพ รั่วไหลน้อย และมีการดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว พร้อมไปกับส่งเสริมมาตรการอื่น ๆ เช่น การพัฒนาคน เทคโนโลยี และยกระดับสถาบันหลักของเศรษฐกิจ เพื่อให้การขยายตัวระดับสูงมีความยั่งยืน
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ระยะสั้น ได้แก่ เศรษฐกิจขยายตัวต่ำจากเศรษฐกิจโลก อัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น ขณะที่ระยะยาว คือ คนและแรงงานที่ยังไม่พัฒนา และ การปรับปรุงระบบภาษีที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ รัฐไม่สามารถเพิ่มรายได้ภาษีจากภาษีบางประเภทได้ เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีมูลค่าเพิ่ม
"ในระยะสั้นควรเป็นการปรับลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เช่นหากมีการปรับลดการขาดทุนที่เกิดจากโครงการจำนำข้าวลงให้เหลือไม่เกินปีละ 7 หมื่นล้านบาทจะช่วยเพิ่มพื้นที่ทางการคลังเท่ากับประมาณ 5% ของรายได้ประชาชาติได้ในระยะเวลา 5 ปี ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาลไทยอย่างมีนัยสำคัญ" นายสมชัยกล่าว
สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมกราคม 2556 มีจำนวน 5,040,341.01 ล้านบาท หรือคิดเป็น44.06 %ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)โดยเป็นหนี้ของรัฐบาล 3,531,418.63 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,063,503.28 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 438,465.57 ล้านบาทและ หนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 6,953.53 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 79,053.40 ล้านบาท โดยหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) และหนี้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 73,901.47 ล้านบาท และ 14,778.78 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐลดลง 9,316.43 ล้านบาท และ 310.42 ล้านบาท ตามลำดับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี