ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายจริงๆ นะ..กับเคสของ...การตรวจสอบสัญญาทำการตลาดเพื่อให้บริการมือถือรูปแบบใหม่ 3จี บนเครือข่ายเดิม “กสท-ทรูมูฟ” ที่พ่วงกรณีการจัดสร้างโครงข่าย3จี ของบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่มีใบอนุญาต
หลังจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม(กทค.) ใน กสทช.ได้ชี้ขาดสัญญาหลัก “กสท-ทรูมูฟ” ไปแล้วว่า ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา 46 ของพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553 และส่งเรื่องให้บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กลับ ไปดำเนินการแก้ไขสัญญากับบริษัทเอกชนให้สะเด็ดน้ำ แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า ได้มีความคืบหน้าในการแก้ไขสัญญากันไปถึงไหน อย่างไร?
ขณะที่กรณีบริษัทบีเอฟเคทีที่ประกอบกิจการให้เช่าโครงข่าย 3จี ถือเป็นการประกอบการที่เข้าข่ายประกอบกิจการโดยไม่มีใบอนุญาตผิดมาตรา 67 พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 หรือไม่ ซึ่งบอร์ด กทค.ได้สั่งให้สำนักงาน กสทช.ดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมนั้น ผ่านมาจะร่วมปีบอร์ดกทค.ก็ยังคงไม่สามารถจะชี้ขาดลงไปได้
ล่าสุดต้องขยายเวลาให้คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวออกไปอีก 1 เดือน สาเหตุที่ทำให้คณะทำงานยังคงยืดเวลาตรวจสอบออกไปนั้น เพราะในคณะทำงานระบุว่า ก็ด้วยมุมมองในปัญหาข้อกฎหมายที่แตกต่างกันทำให้คณะทำงานยังคงสรุปกันไม่ลง ตัว บอร์ดกทค.เองก็ยังไม่กล้าชี้ขาดลงไปเพราะหากฟันธงลงไป “ผิดฝั่งผิดฝา” ไม่เพียงจะส่งผลกระทบต่อกิจการสื่อสารโทรคมนาคมทั้งระบบในอนาคตที่อาจยึดถือ เป็นบรรทัดฐานในการฟอกผิดโครงการอื่นๆ
ตัวกทค.และกสทช.เองก็อาจตกเป็นจำเลยในคดีอาญามาตรา 157 ซะเอง!
แม้คณะทำงานบางส่วนจะเห็นว่า ที่ผ่านมาบริษัทบีเอฟเคทีเป็นเพียงจัดสร้างโครงข่าย และบำรุงรักษาไม่ได้เป็นเจ้าของคลื่นความถี่ที่มีอำนาจควบคุมสั่งการ ขณะที่กสทช.เองยังไม่เคยมีการกำหนดรายละเอียดประเภทกิจการโทรคมนาคมที่ต้อง ขอรับใบอนุญาต อีกทั้งยังเป็นการจัดสร้างโครงข่ายเพื่อให้กสท เช่าใช้เพียงรายเดียว ไม่ได้เป็นการประกอบการโทรคมนาคมทั่วไปจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องขอรับใบ อนุญาต
แต่คณะทำงานส่วนใหญ่เห็นว่า จำเป็นต้องยึดตัวบทกฎหมายโดยเคร่งครัด เพราะกรณีบีเอฟเคทีนั้นถือเป็นความผิดสำเร็จไปแล้วไม่อาจจะหยิบยกประเด็นขาดเจตนาหรืออ้างความไม่รู้มาเป็นเหตุผลในการลบล้างความผิดได้ ทั้งยังเห็นว่า หาก กทค.ทำหน้าที่ตัดสินชี้ขาดเองโดยตรง ย่อมจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กทค.ในอนาคต หากมีผู้กระทำการในลักษณะเช่นนี้ และอ้างว่าไม่เจตนาเพื่อจะได้ไม่ต้องรับโทษ
เบื้องหน้า เบื้องหลังที่ทำให้เส้นทางการพิจารณากรณีบีเอฟเคทีและกรณี กสท-ทรูมูฟ “ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก” มากว่า 2 ปีนั้น...จะให้ฟันธงกันลงไปจริงๆ ก็เพราะเส้นทางในความพยายามในการฟอกผิดนั้น มัน “ไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ” นั่นเอง
“คณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)” ที่ก่อนหน้าได้ล้วงลูกเข้ามาตรวจสอบกรณีนี้อยู่ด้วย โดยอนุกรรมการไต่สวนป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดกรณีดังกล่าวไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2555 หรือเมื่อกว่า 9-10 เดือนมาแล้ว ยังเหลือก็แต่ส่งเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ตัดสินชี้ขาดในชั้น สุดท้ายเท่านั้น
เมื่อ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ยังไปไม่ถึงไหน...(กทค.) จะมีมติให้ กสท-ทรูมูฟไปดำเนินการแก้ไขสัญญาหลัก 3จี ไปตั้งแต่ปีมะโว้ จนป่านนี้ก็ยังไม่มีคำตอบ..กรณีบีเอฟเคทีที่เป็นกรณีเกี่ยวเนื่องจึงได้แต่ “ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก” เอาอีก...เพราะทั้งหลายทั้งปวงนั้นก็อยู่ที่ทุกฝ่ายต้องการรอดูว่า มติของคณะกรรมการป.ป.ช. ในชั้นสุดท้ายต่อกรณี 3จี “กสท-ทรูมูฟ” นี้จะออกหัว-ออกก้อยยังไง?
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี