นายอุดม พัวสกุล ประธานกรรมการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดได้สั่งให้ฝ่ายบริหารไปทบทวนแผนยุทธศาสตร์พลิกฟื้นทีโอทีระยะสั้นระยะยาวใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และมีข้อมูลที่อ้างอิงชัดเจน และให้นำกลับมาเสนออีกครั้งภายใน 3 เดือนข้างหน้า

ส่วนการจัดตั้งบริษัทเพื่อบริหารจัดการเสา และอุปกรณ์โทรคมนาคมนั้น บอร์ดทีโอที ได้มีมติที่ให้บริษัท เอซีที โมบาย จำกัด (บริษัทลูกของทีโอที) เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด โดยเอซีที โมบายจะเป็นผู้บริหารเสาและอุปกรณ์โทรคมนาคม ที่ได้รับโอนมาจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส จำนวน 12,000 แห่ง เสาและอุปกรณ์ของทีโอทีอีก 5,320 แห่ง

ทั้งนี้ขั้นตอนในการดำเนินการดังกล่าว ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับ เอไอเอส เพื่อให้โอนทรัพย์สินก่อนสัญญาสัมปทานจะ
สิ้นสุดในปี 2558 และ เอไอเอส จะต้องเป็นผู้ถือหุ้นในเอซีที โมบายด้วย ส่วนสัดส่วนจะเป็นเท่าใดนั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป ในเบื้องต้นการร่วมทุนดังกล่าว จะต้องไม่เข้าข่ายพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535เพราะหากเข้าข่ายพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ จะทำให้ขั้นตอนการดำเนินงานล่าช้า ขณะเดียวกันทีโอทีจะต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

“การเจรจากับเอไอเอสมีความคืบหน้ามาก คาดว่าภายในปีนี้จะมีความชัดเจนอย่างแน่นอน ส่วนเงื่อนไขการเจรจกับ เอไอเอสทางฝ่ายบริหารเป็นผู้เจรจา ในเบื้องต้นเมื่อ เอไอเอสโอนเสาให้ทีโอที สิทธิ์ในการใช้ก่อนก็ต้องเป็นของเอไอเอส และเมื่อโอนเสร็จแล้ว เอไอเอส จะต้องไปจ่ายค่าเช่าไปจนกว่าสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุด เพราะเอไอเอสจ่ายเป็นค่าสัมปทานอยู่แล้ว ส่วนทีโอที จะนำเสาและอุปกรณ์ไปให้เช่าก็สามารถดำเนินการได้” นายอุดม กล่าว

แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัท เพื่อดำเนินธุรกิจในลักษณะของการบริหารจัดการเสาโทรคมนาคม หรือ ทาวเวอร์ โค บริษัท เอทีซี โมบาย จำกัด ที่ทีโอที ถือหุ้น 100% และ เอไอเอส ทำการถือหุ้นร่วมกัน ในนามบริษัท แอดวานซ์ ดาต้า เน็ทเวิร์ค จำกัด หรือ เอดีซี